วันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ว่าด้วยเรื่อง meteor garden


ว่าด้วยเรื่อง meteor garden ฮานาโยริดังโกะ และ boys over flowers ( หรือที่เราเรียกรวมๆ กันว่า F4 )
โดยส่วนตัวผู้เขียนได้ดูครบ 3 เวอร์ชั่นแล้ว (และในอนาคตคงจะมีตามมาอีกไม่น้อย) เราจะมาพูดโดยรวมของหนังที่นำเสนอมา ในฉบับไต้ไหว ต้องยอมรับว่ามาฉายที่บ้านเราดังมากๆๆ กระแสของคนที่เบื่อกับรายการน้ำเน่าและละครซ้ำๆซากๆ บนจอทำให้หันมาตอบรับกับกระแสเรื่องนี้ ทั้งๆที่เนื้อเรื่องมาจากการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องหนึ่ง ซึ่งต่อมาทางญี่ปุ่นเองก็รีบสนองโอกาสที่ตัวเองพลาดรีบจัดทำซี่รีย์เรื่องนี้มาบ้าง และมาจนถึงปัจจุบัน กับฉบับเกาหลี
โดยรวมแล้วว่าด้วยเรื่องของเนื้อหนังก็จะเป็นแบบ นางเอกจนมาเจอพระเอกรวย(แบบโคตรรวย) ต้องฝ่าฝันอุปสรรค์จากแม่พระเอก และพูดโดยรวมถึงความสัมพันธ์ของเพื่อนในกลุ่มนั่นเอง ฉบับไต้ไหวน้ำหนักจะไปตกที่คู่พระเอกนางเอกมากกว่า...ในขณะที่ญี่ปุ่นและเกาหลี จะมีน้ำหนักบ้างเพื่อให้เท่าเทียมกัน ในฉบับไต้ไหวนั้นจะมีเนื้อหาและเรื่องสถานการณ์ที่มากจนทำให้หนังยืดและเยิ่นเย้อโดยเฉพาะภาค 2 ในขณะที่ญี่ปุ่นกระชับและรวดเร็วมาก ทั้งใน 2ภาค แต่ก็ไม่ขัดตาเกินไปนัก บทลงโทษของ F4 ก็ค่อนข้างรุนแรงไม่ต่างกันเท่าไหร่แต่ของญี่ปุ่นมีมิติกว่าที่จะวิ่งไล่กันเฉยๆแบบไต้ไหว (ฉากที่มีงูจริงๆอยู่ในล็อคเกอนางเอกก็น่าขนลุกดี )และความโหดร้ายของแม่พระเอกในเรื่องของอำนาจผู้นำเศรษฐกิจในแบบของญี่ปุ่นและเกาหลีนำเสนออกมาเป็นรูปธรรมดี มีเหตุมีผลและไม่ขัดแย้งกันเท่าไหร่ รวมถึงอาชีพทางบ้านของเหล่าF4 ก็ชัดเจน ในส่วนของความเวอร์...จริงๆต้องบอกว่า พูดถึงความร่ำรวย แล้วฉบับญี่ปุ่นนั้นกินขาด แบรนด์แนมทั้งนั้น ไม่ว่าจะเสื้อผ้าหน้าผม แฟชั่นจ๋ากันมาเลยที่เดียว ฉากในบ้านของเหล่า F4 ก็ไม่น้อยหน้า จะต้องนำเสนอความรวยของผู้นำกลุ่ม ซึ่งญี่ปุ่นและเกาหลีทำได้ดี (ติดตรงที่ อูบิน 1 ใน F ของเกาหลี เราไม่ได้เห็นฉากบ้านเค้าเลย นอกจากตู้ใส่รองเท้า ) ความคล้ายคลึงของหนังรู้สึกว่า ฉบับไต้ไหวและเกาหลีจะคล้ายกันมากๆๆรวมๆถึง 80 % เกาหลีจะนำทั้ง 2 ภาคของไต้ไหวมารวมกันและทำให้กระชับขึ้น จนแอบคิดไม่ได้ว่าที่บอกจะสร้างภาค 2 ต่อจะเอาเนื้อหาตรงไหนไปสร้างค่ะ แค่ภาคแรกก็เก็บจนหมดแล้ว ส่วนของญี่ปุ่นจะมีความเป็นการ์ตูนมากกว่า
ในเรื่องของนักแสดงนำ แน่นอน ใครก็ตามที่มารับบทเหล่าF4 ต้องแจ้งเกิดทุกรายไป ไม่ว่าจะมีชื่อเสียงอยู่แล้วหรือจะโนเนมปานใด ก็สามารถแผ่กระจายรัศมีเปร่งปรั่งออกมาได้ (ราวกับพกสปอต์ไลท์ส่วนตัวมา)
ในบทของผู้นำกลุ่ม เต้าหมิงซื่อ โดเมียวจิ คูจุนพโย ต้องมีลักษณะของคนที่ชอบแต่ใช้กำลังและในขณะเดียวก็ก็ต้องดูโง่ๆ ไม่ฉลาด แต่จริงใจ และที่สำคัญ ต้องหล่อ!! สำหรับเจอรรี่แล้วเค้าผ่านงานถ่ายแบบมามาก...ทำให้เวลาที่ต้องเก๊กมาดนิ่งหรือยิ้มแบบละลายใจสาวเค้าจึงแสดงอารมณ์ออกมาได้ไม่ยาก แต่ฉากโมโหหงุดหงิดบางครั้งก็ยังดูแข็งๆไป ในขณะที่จุน มัสซึโมโต้ เล่นได้ดีเพราะชั่วโมงบินที่สูงกว่า แต่ทำไม...จุนเล่นเรื่องนี้ไม่หล่อเลยโดยส่วนตัวเราเองก็ตามละครที่จุนเล่นหลายเรื่อง มีเรื่องนี้ล่ะที่ไม่หล่อเลยแถมเข้าฉากกับชุนที่ไร รัศมี (ความสูง)ของชุนจะกลบหมด ส่วน อีมินโฮ บอกตรงๆว่าเรารู้จักเค้าน้อยมาก ด้วยที่ละครที่เค้าเล่นส่วนมากจะได้รับบทไม่เด่น ซึ่งตอนที่ทางเกาหลีจะสร้างซีรีย์เรื่องนี้ ได้เลือกพระเอกแนวหน้าไว้หลายคน ไม่ว่าจะเป็นโจอินซอง อีดงอุก ....แต่มาสรุปที่เค้า...แต่พอมาดูฝีมือในการแสดงแล้วคิดว่าทางผู้สร้างคงเลือกไม่ผิด อีมินโฮทำได้ดีเกินคาด ไม่ว่าจะโกรธ เศร้า ตลก หรือทำตัวโง่ ๆ ก็ทำได้ดี และที่สำคัญลองดูดีๆ เค้าคล้ายเจอรรี่มากๆๆ โดยเฉพาะเวลายิ้ม..อีกคนที่ไม่ผู้ถึงไม่ได้ ในบท หัวเจ่อเล่ย ฮานาซาว่า รุอิ อีจีฮู บทนี้วัดฝีมือกันจริงๆว่าจะขโมยซีนพระเอกได้ไหม ซึ่งในฉบับไต้ไหวและเกาหลีพอสูสีกัน แต่ฉบับญี่ปุ่นแล้ว ชุนกินขาด ด้วยความที่เค้าสูงและหุ่นดีใส่เสื้อผ้าอะไรก็ดูดีไปหมด บวกกับหน้าตาที่หน้าค้นหาว่าเวลาอยู่นิ่งๆเค้าจะคิดอะไร เหมือนมีอะไรในใจอยู่เสมอ และทำตัวเหมือนจะไม่สนใจอะไร ในขณะเดียวกันก็จะมีเสียงที่โอ่นโยนไว้เรียกเวลานางเอกเศร้าเสมอ...ชุนเกิดเพราะบทนี้จริงๆๆ....( ได้ข่าวว่าจุนเป็นคนเสนอผู้สร้างให้ชุนรับบทนี้ ) ส่วนอีจีฮูชายหนุ่มที่มีดนตรีไว้คลายความเหงา ที่เล่นโดยลีดเดอร์SS501 คิมฮยอนจุง ถือว่าเป็นอะไรที่แปลกใหม่ เพราะรู้ๆ กันอยู่แล้วว่า ลักษณะของจุงนั้นเป็นคนเงียบๆ ซึมๆและชอบแอบงีบอยู่เสมอ มันตรงกับCHARACTER นานๆเราจะได้เห็นเค้าโมโหสักที..และในฉบับเกาหลีนี้อีจีฮู เล่นดนตรีได้หลายอย่างมาก ทั้งไวโอลีน เปียโน กีต้าร์ ( ถ้ามาสร้างเวอร์ชั่นบ้านเราคงมี ฉิ่ง ฉับ และ ระนาด ตามมาด้วย ) ส่วนอีก2F ที่เหลือ ซีเหม่ย โซจิโร่ อีจอง ชายหนุ่มเพลย์บอย คาสโนว่า ที่มีอดีตอันซ่อนเร้นฝังลับอยู่ในใจ (ลึกไปไหมเนี๊ย) ในไต้ไหว เคน ยังเล่นไม่เพลย์บอยพอซึ่งต่างชีวิตจริงของเค้า...เล่นแข็งและดูไม่หรู คลาสสิกเท่าไหร่ ส่วน มัทสูดะ โชตะก็ดูเครียดไป...ไม่กรุ่มกริ่ม ....แถมทะเลาะกับพระเอกทีไรก็ต่อยกันทุกที (แล้วก็ดีกัน) แต่คิมบอม ...เรายอมรับว่าตอนแรกเราปรามาสเค้าไว้มากว่าจะเล่นได้หรอเพราะเค้าเด็กมากๆๆ เป็นออลจัง และละครที่ผ่านมาของเค้าก็มักจะรับบทเป็นชายหนุ่มเซ่อๆๆโง่ๆๆ ....แต่ผิดคาดดดดค่ะ...บอมเล่นได้กรุ่มกริ่มมากๆๆ ดวงตาระยิบระยังแวววาวเหมือนสุนัขจิ้งจอกที่คอยจะงับเหยื่อ แถมในเวอร์ชั่นนี้เปิดใจกับเพื่อนนางเอกมากขึ้นทำให้รู้สึกว่าเค้าก็มีหัวใจที่ต้องการรักแท้เหมือนกัน..F สุดท้าย เหม่ยจั๊ว อากิระ อูบิน เป็นFที่เรามักจะจำไม่ค่อยได้...กับบทลูกชายเจ้าพ่อและธุรกิจไนต์คลับ ต้องเข้มแข็ง มาดมั่น หล่อ เท่ห์ สมาท์ ฉลาดหลักแหลม ที่กล่าวมาทั้งหมดไม่ตรงกับเวสแนสเลย 555 บอกตรงๆว่าถึงบทไม่เหมาะแต่เราก็ยังรักเวสแนส เด็กฮิปพอปที่เติบโตมาจากเมืองนอก ต้องพูด what up!1 yo!! Hi ! man ... เวลาเข้าฉากเจอกัน ...ฉบับไต้ไหวบทไม่เด่นเท่าไหร่ น้อยมากๆๆ ภาค 2 เลยใส่บทมีคู่หมั้นซะเลย..ส่วนเอเบะ ทรุโยชิ เป็นเจ้าพ่อที่หรูหรา ไฮโซ มากๆๆ อูบินรับบทโดย คิมจุน (นักร้องวง T-MAX) ในฉบับเกาหลีนี้เราว่าเค้าเหมือนมนุษย์ล่องหน อยู่ดีๆก็โผล่มา แล้วก็หายไป ไม่มีที่อยู่ที่แน่นนอน บางทีก็โผล่ที่หน้าห้องเรียนเดินไปกินกาแฟกับนางเอก แล้วก็ไปโผล่ที่โต๊ะอาหารกับพระเอกที่บ้าน จนสุดท้ายก็โผล่มาพร้อมกับกระเป๋าเดินทางสะพายข้างใบย่อมในตอนจบ....แต่เวอร์ชั่นนี้บทบาทเค้าเยอะดี และดูดีกว่าด้วย ไม่ว่าจะเป็นความเนี๊ยบเรียบหรู ฉลาดหลักแหลม เป็นผู้ใหญ่ แต่ไม่เห็นจะต้องให้พูด WHAT UP!1 HI! YOO MAN!! ตามเวสแนสเลย ...ไม่เข้ากันอย่างแรง.. ส่วนนางเอกของเรื่อง ซันฉ่าย มากิโนะ และชานดี สวยใสดีจริงๆๆ (แม้ต้าเอสจะปาไปเกือบจะ 30 แล้วก็ตาม ) บทนางเอกเล่นได้ดูดีทุกคน สู้ยิบตาเลย...แต่ถ้าดูแล้วว่าจนจริงๆๆ น่าจะเป็นไต้ไหวน่ะ เพราะเกาหลีผิวพรรณดีเกินไป(แอบอิจฉา)...
โดยรวมแล้วถ้าถามว่าชอบเวอร์ชั่นไหน อันนี้ตอบยาก เพราะอาจจะมีมาอีกหลายเวอร์ชั่น แต่โดยส่วนตัวชอบแบบเกาหลีน่ะ เพราะด้วยเนื้อหากระชับไวและน้ำหนักบทค่อยข้างเท่าเทียมกัน....และที่น่าชื่นชมกับทรงผมหัวสับปะรดเนี๊ย ขนาดเจอรรี่ที่ว่าแน่ยังต้องถอยกลางเรื่อง ส่วนจุน ก็เหมือคนผมหยิกมากกว่า แต่อีมินโฮนี่สิสับปะรดตั้งแต่ต้นเรื่องยันท้ายจริงๆๆ สุดยอดดดดดดดดดดด.........^0^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น