เคยไหมที่เวลาเราดูหนังดูละครแล้วแบบประมาณว่า หนังจบอารมณ์ไม่จบ ที่นี่แห่งนี้ขอต้อนรับเพื่อนที่มีความรู้สึกเช่นนั้น..มาร่วมกันแชร์น่ะค่ะ..แล้วคุณจะรู้ว่าโลกของเราเปลี่ยนได้
วันพุธที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
World with in.....
World with in.....
จริงๆดูซีรีย์เรื่องนี้จบนานแล้วแต่ด้วยเหตุผลที่ต้องไรท์ให้เพื่อนเลยทำให้ต้องดูอีกที บอกตามตรงซีรีย์เรื่องนี้ถ้าพูดถึงโปรดักชั่นแล้วอลังการมากๆๆตั้งแต่นักแสดงเลยแถมเนื้อเรื่องก็ไม่ได้แค่พูดถึงคนทำงานในวงการเท่านั้นมันพูดถึงคน....คนจริงๆเนี๊ยหล่ะ คนที่เดินสวนทางกันไปมากับเราทุกวัน ....ชอบคนเขียนบทจริงๆ
ได้ข่าวว่ากว่าจะเขียนบทละครเรื่องนี้ได้ต้องใช้เวลาถึง 2 ปีสุดยอด^0^ การจะบ่มเพาะอะไรสักอย่างมันต้องใช้เวลาจริงๆ
ละครพูดถึงการทำงานของคนวงการบันเทิง เริ่มตั้งแต่ผู้กำกับ คนเขียนบท ตากล้อง ผู้ช่วยผู้กำกับ 1 2 3 นักแสดง ตัวประกอบ ผู้บริหารช่อง จนไปถึงพนักงานทั้งหลายทั้งแหล่ ไม่เพียงเท่านั้นยังบอกเล่าถึงชีวิตของคนเหล่านั้นด้วยว่าต่อหน้ากล้อง ต่อหน้าผู้ชมเป็นเช่นไร ชีวิตนักแสดงไม่ได้เลิศหรูเหมือนเดินบนพรมแดงตลอดชีวิต แม้กระทั่งผู้กำกับที่สั่งได้ในเฉพาะในหนังที่ตัวเองกำกับแต่กับชีวิตไม่ได้ดั่งใจ หรือแม้แต่ผู้บริหารช่องเองก็มีหน้าที่การงานกับชีวิตส่วนตัวก็ช่างทำให้ลงตัวได้ยากเสียเหลือเกิน
สำหรับนักแสดง ฮยอนบินและซองเฮเคียว เล่นได้น่ารักกุ๊กกิ๊กเหลือเกิน(จนเกินออกมานอกจอ)บทจะด่ากันก็ด่ากันไฟแล๊บบทจะรักกันก็เล่นซะหวานจนมดเรียกพี่ ต้องขอชมผู้กำกับที่กำกับให้ทั้งคู่เล่นกันออกมาน่ารักไม่ดูเวอร์จนเกินไป...และอีกคู่ที่เราชอบคือผู้กำกับจอมปากหมากับนักแสดงหน้าใหม่ ดูยังไงก็ไม่เข้ากันแต่ผู้กำกับก็สามารถทำออกมาให้ดูน่ารักกุ๊กกิ๊กได้อย่างดีอีก2คนที่เพิ่มสีสันของเรื่องได้เป็นอย่างดีคือรุ่นน้องผู้ช่วยของพระเอกและนางเอก แสดงออกมาได้สมจริงกับคำว่าผู้ช่วยผู้กำกับที่ทำทุกอย่างทำให้เรารู้ว่ากว่าจะเป็นหนัง ละคร สักเรื่องเล่นเอาผู้ช่วยเกือบตายเพราะงานหนักเหมือนกันน่ะ
คนเขียนบทก็คืออีกคนที่เราสนใจ คนเขียนบทมักจะไม่ค่อยมีใครสนใจมากนักเมื่อเทียบกับนักแสดงหรือผู้กำกับ แต่ในวงการหนัง ละคร คนเขียนบทมีความสำคัญมาก ยิ่งเป็นผู้ที่เขียนบทแล้วทำให้ละคร หนัง เรื่องนั้นดังมีชื่อเสียง คนเขียนบทยิ่งมีอำนาจในการต่อรองค่าเหนื่อย ระยะเวลา คัดเลือกนักแสดงแม้กระทั่งสามารถเลือกผู้กำกับเองได้อีกด้วย แต่ถึงกระนั้นการเขียนบทก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ยามไม่มีอารมณ์เขียนอักษรสักตัวก็ไม่มีขึ้นบนจอคอม....จนแล้วจนรอดก็ไม่มี...ยิ่งคอมเสีย..แล้วความจำในเครื่องกู้ไม่ได้ มีแต่ตายกับตาย งานเขียนบทไม่เสร็จก็ไม่สามารถปลีกตัวไปไหนได้ ( แม่ป่วยจนตายก็อดไปเฝ้าดูแล )
ส่วนนักแสดงวัยดึกทั้ง 3 คน ได้นักแสดงที่เราคุ้นหน้าคุ้นตาเสมอ ต้องของบอกว่าพวกคุณเล่นได้เนียนมากๆเหมือนกับพวกคุณเอาชีวิตตัวเองมาเล่น...ชีวิตการงานที่ไม่ได้ไปสอดคล้องกับครอบครัวเลย นักแสดงต้องมีวินัยและมีจุดยืนที่ดีเพราะทุกสถานการณ์มันพร้อมจะผลักคุณลงเหวได้ทุกเมื่อ ยิ่งอายุมาก ฝีมือยิ่งต้องคม และการมองคนต้องให้ถึงแก่นถึงจะอยู่นาน
สำหรับผู้เขียนเองชอบบทพูดของนักแสดงหลายคนที่มีคำคมแฝงอยู่ให้ขบคิดในตอนต้นๆของแต่ล่ะตอน เช่น
“ ใครก็บอกว่าเกลียดละครน้ำเน่า เราเกลียดมันจริงหรอ.... หรือว่าเราอิจฉามันต่างหาก “
ทำไมชีวิตเราไม่น้ำเน่าบ้าง ที่มีพระเอกรวยมาชอบ หน้าไม่สวย อ้วน ยังได้แฟนหล่อ รวย หรือบังเอิญได้สมบัติเจ้าคุณปู่ ใช้กี่ชาติก็ไม่หมด ทำไมเล่นหุ้นแล้วไม่โชคดีกะเค้าบ้าง หรือทำไมเป็นโรคร้ายแล้วผ่าตัดรักษาหายเหมือนในหนัง ละคร บ้าง ทำไม...ทำไม.....บลาบลาๆๆๆๆๆ
ก็เพราะชีวิตจริงของเราไม่ได้น้ำเน่าเหมือนในละครไง ทั้งที่เราอยากจะให้มันเป็น เช่น “ ปมขัดแย้งในละครที่เราเห็นมันเป็นเรื่องท้าทายของผู้กำกับ การที่ผู้กำกับสามารถแก้ปัญหาได้ไปที่ละขั้นทำให้เรื่องดูสมบูรณ์และจบแบบhappy endingเป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่ง “ แต่ในชีวิตจริงปัญหาจะไม่มีทางแก้ไขและปมขัดแย้งมันจะคงอยู่
สรุปแล้วละครเรื่องนี้ให้อะไรกับเรา เราคิดทุกครั้งที่ดูจบและจะพูดเสมอว่าเราจะเลือกใช้ชีวิตดั่งละครหรืออย่าใช้ชีวิตแบบในละครดี เหมือนที่รุ่นพีจีฮูบอกว่า”จงใช้ชีวิตดั่งละคร แต่อย่าให้ละครมาเป็นชีวิตของเรา”
ปล.....คม....งง..ไหมล่ะ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น