วันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2553

Triple .......ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก ^0^


Triple .......ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก
คำว่า “ความพยามยามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั้น” คงน่าจะเหมาะกับซีรี่ย์เรื่องนี้ Triple
Triple เป็นซี่รี่ย์ที่บอกเล่าเรื่องราวของการต่อสู้เพื่อไปถึงจุดมุ่งหมายที่ฝันเอาไว้ให้สำเร็จ โดยผ่านตัวละครมากมาย นับเป็นซีรี่ย์เรื่องแรกที่มีนักแสดงระดับพระเอกนางเอกมากมายขนาดนี้ แถมยังยุ่งอีรุงตุงนังตั้งแต่ตอนแรกจนเกือบท้ายเรื่องเลยทีเดียว
Triple เป็นเรื่องราวของอีฮารุ เด็กที่รักการเล่นสเกตเป็นชีวิตจิตใจ เธอใฝ่ตั้งแต่เด็กๆว่าจะเป็นนักสเกตทีมชาติ ได้เล่นกาลาโชว์ แต่เพราะอุบัติเหตุทำให้เธอต้องกลับมาอยู่บ้านนอกกับพ่อแท้ ๆที่บ้านนอก ฮารุมีพี่ชายต่างพ่อต่างแม่ 1 คนซึ่งอายุห่างจากเธอถึง 16 ปี คือ ชินฮวัล Account Executive A.E.หนุ่มแห่งบริษัทโฆษณา จะว่ากันแล้วฮวัลเองก็ไม่ได้ผูกพันทางสายเลือดกับฮารุแต่อย่างไร พี่ชายของฮารุมีเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่ประถมอีก2หนุ่มและ1สาวคือ โซแฮยุน Creative Director C.D. ผู้มีนิสัยตรงไปตรงมา ประนีประนอม และฮยอนแทค Copywriter C.W. ชายหนุ่มขี้เล่น อารมณ์ดี เจ้าแห่งความคิดสร้างสรรค์ มุ่งมั่นและจอมตื้อสุดๆๆ บวกกับอีก 1 สาวจอมขี้เมาแต่แฝงไปด้วยเสน่ห์ที่แปลกไม่เหมือนใครคือ คังซางฮี ทั้ง4โตมาด้วยกันและทำงานบริษัทเดียวกัน จนวันหนึ่งฮวัลโดนขโมยไอเดียไปและนั้นเป็นจุดที่ทำให้เค้าหมดความอดทนกับการที่โดนหัวหน้ามาดูถูกความเป็นนักโฆษณาของเค้า เค้าจึงได้ชวนเพื่อนทั้ง2คนออกมาเปิดบริษัทโฆษณาเองที่มีชื่อว่า “บอนด์แฟคทอรี่” ส่วนฮารุได้เดินมาอยู่ที่โซลเพื่อตามความฝันที่จะเป็นนักสเกตลีลาทีมชาติและมาขออยู่ด้วยกับฮวัล ฮวัลปฏิเสธเพราะเค้าไม่อยากผูกพันธ์กับใครหลังจากที่เค้าต้องผิดหวังจากชีวิตแต่งงานผิดหวังที่จะสร้างครอบครัวเค้าจึงต่อต้านฮารุอย่างแรงแต่สุดท้ายก็ต้องยอมเพราะแรงเกลี้ยกล่อมจากเพื่อนๆและเค้าได้เห็นความมุ่งมั่นมุมานะของฮารุบวกกับลูกตื้อสุดๆของเธอนั่งเอง ฮารุได้ซูอินมาเป็นโค้ชให้โดยหารู้ไม่ว่าโค้ชซูอินนั้นคือภรรยาของฮวัล พี่ชายต่างแม่ต่างพ่อที่เธอหลงรักที่แยกกันอยู่หลังจากที่ซูอินเผลอใจไปนอนกับแฟนเก่าที่แคนนาดา ในขณะที่ฮยอนแทคก็เจอรักแรกพบกับซูอินโดยไม่ทราบว่าซูอินคือภรรยาของฮวัลเพื่อนสนิทของเค้า ซูอินต้องการคืนดีกับฮวัลจึงยอมกลับมาเกาหลีและยอมเป็นโค้ชให้ฮารุ ในขณะที่เกิดรัก 4 เศร้า ความรักระหว่างเพื่อนก็เข้ามาทักทายโชแฮยุนและคังซางฮี เรื่องราวของชาย3หญิง3จะเป็นอย่างไรก็ต้องติดตามดูเองน่ะค่ะ
Triple เป็นผลงานของผู้กำกับลียุนจองจาก Coffee Prince และได้นักเขียนบทมือทอง อีซุนมี จากเรื่อง Coffee Prince เช่นกัน ความสนุก การวางโครงเรื่อง ไม่ต้องพูดถึงการรันตีได้จากผลงานซีรี่ย์เรื่อง 'Coffee Prince No.1' อยู่แล้วในครั้งที่ผู้กำกับและนักเขียนบทต้องการสอดแทรกสาระแง่คิดของความพยามยาม ความมุ่งมั่นผ่านการดำเนินชีวิตใน2 เส้นทางของอาชีพนักโฆษณาและนักสเกตอาชีพ..
สำหรับนักแสดงหากดูข้างต้นจะเห็นว่านักแสดงหนุ่มทั้ง 3คนนั้นไม่ได้หน้าตาหล่อเหล่าโดนใจวัยลุ่ยแต่อย่างใด(เมื่อเทียบกับซองจุนกิผู้รับบทพุงโฮ)แต่ด้วยฝีมือการแสดงที่เฉียบคม ชั่วโมงบินที่สูง(มาก)ทำให้ซีรี่ย์เรื่องนี้ดูแล้วไม่น่าเบื่ออย่างที่คิดแม้จะมีความเครียดในเรื่องอยู่บ้างแต่ก็ยังมีความสอดแทรกน่ารักให้อมยิ้มอยู่ตลอดเวลา อีจองแจ นักแสดงหนุ่มจาก Air city ห่างหายจากงานแสดงหลายปีเพราะหันไปจับงานหนังเสียส่วนใหญ่รับบทชินฮวัล ชายหนุ่มผู้เคร่งขรึม เก็บความรู้สึก สุขุม จริงจัง มุ่งมั่นต่องาน ในตอนแรกอาจจะดูดุดันเพราะผ่านความเจ็บปวดมามากแต่พอฮารุเข้ามาจิตใจของฮวัลก็ดูอ่อนโยนลง ในเรื่องฮารุต้องหลงรักฮวัลผู้ชายที่มีศักดิ์เป็นพี่ชายต่างพ่อต่างแม่และอายุห่างกันถึง16 ปี ของเธอ ผู้กำกับและคนเขียนบทคงไม่ต้องการที่จะเน้นให้ดูเป็นเรื่องชู้สาวในด้านนี้มากนัก ถึงแม้ฮวัลจะรู้ใจตัวเองว่าชอบฮารุ แต่ด้วยฐานะและสังคมที่ไม่ยอมรับเค้าจึงต้องตัดใจ ดังนั้นการแสดงของอีจองแจ จึงออกมาดูสุขุม รอบคอบ มีระยะห่างที่ชัดเจนและรู้จักวางตัวต่อหน้าฮารุ ทำให้ดูแล้วไม่รู้สึกถึงความหมิ่นแหม่ทางศีลธรรม ส่วนอีฮารุ ได้นักแสดงสาวน้อยวัยสดใจ มินฮโยริน มารับบทนักสเกตลีลา ซึ่งฮโยริน ต้องเข้าคอร์สฝึกสเกตกับโค้ชตัวจริงนานถึง 6 เดือนเพื่อให้ออกมาดูสมจริง เพราะมีหลายฉากเหมือนกันที่เธอต้องแสดงท่าพื้นฐานและท่าบังคับที่ยากของนักสเกตลีลา(ว่ากันว่าจะให้เหมือนคิมยุนนา นักสเกตลีลาทีมชาติของเกาหลีเลย) สำหรับนักแสดงมือใหม่อย่างฮโยริน เราชอบการแสดงของเธอมา เธอแสดงออกมาได้อย่างสดใส บริสุทธิ์เหมือนผ้าขาวที่มีรักครั้งแรกที่ตราตรึงยากเกินตัดใจ รู้สึกอย่างไรก็พูดออกมา อีกทั้งสีหน้าท่าทางเวลาเล่นสเกตดูมุ่งมั่นเหมือนมีไฟอยู่ในตัวตลอดเวลา เวลาเข้าฉากกับอีจองแจเธอดูเด็กมากๆๆดูยังไงก็น่ารักกุ๊กกิ๊กยิ่งเวลาเธอเรียก “อุปปา อุปปา” นั้นน่ารักจริงๆ สำหรับเด็กสาวแล้วเราไม่แน่ใจว่า ความรักแรกพบที่เธอมีให้พี่ชายนั้นเรียกว่ารักหรือเปล่ามันต่างจากฮยอนแทคมาก เพราะฮารุเองรู้จักแต่คำว่ารักที่มาจากความรู้สึก เธอจึงแสดงออกมาตรงๆทั้งหึงโกรธผิดหวังดีใจเสียใจ...ตัวเธอเองอาจจะยังไม่เค้าใจถึงคาว่ารักในรูปแบบของชีวิตคู่การสร้างครอบครัวซึ่งต่างจากโชแฮยุน แต่ถึงกระนั้นทาผู้กำกับก็ได้วางบทสรุปออกมาได้ดีกับเรื่องความรักต้องห้ามของพี่น้อง(ต่างพ่อต่างแม่)ว่าในสังคมยังไม่ยอมรับอยู่ดีทั้งฮวัลและฮารุจึงตัดใจและใช้ชีวิตไปในทางที่ถูกที่ควรอย่าเหมาะสม ในขณะที่โชแฮยุนกับคังซางฮี เพื่อนสนิทที่คบกันมา 17 ปี โชแฮยุนต้องการสร้างครอบครัวแต่กับซางฮีแล้วเธอกลับไม่แน่ใจว่าจะสามารถใช้ชีวิตร่วมกับเพื่อนสนิทในแบบครอบครัวได้หรือไม่ แต่เพราะโชแฮยุนเป็นคนที่อ่อนโยนมีเหตุมีผลรู้จักปล่อยและตึง เค้ารักและเข้าใจในตัวซางฮีและเมื่อทั้ง2คนพร้อมที่จะปรับตัวและจูนเข้าหากันแน่นอนคำว่าครอบครัวก็เกิดขึ้นได้ นักแสดงหนุ่มที่มีบุคลิกที่แสนจะอบอุ่นอีซอนกยูนจาก Coffee Prince มารับบทโชแฮยุน ชายหนุ่มคนนี้ดูที่ไรก็รู้สึกว่าการแสดงของเค้าเป็นผู้ชายที่มีเหตุมีผลตลอดใจดีสุภาพและหญิงสาวที่เกิดมาเพื่อคู่ควรกับโชแฮยุน คังซางฮี รับบทโดย เจ้าแม่โฆษณา คิมฮี และด้วยความใจดีดุจดั่งแม่น้ำของฮวัลทำให้เกิดคู่รักจอมตื้ออีกคู่ ยูนคเยซัง นักแสดงหนุ่มจากซีรี่ย์ Who R U กับบทฮยองแทคเพื่อนสนิทของฮวัลที่มีลูกตื้อสุดๆๆ กลเม็ดในการจีบสาวมีอะไรงัดออกมาหมดแม้ทั้งรู้ว่าเป็นภรรยาเพื่อนสนิทก็ยังไม่ยอมแพ้ ปกติแล้วหากมีเพื่อนมาทำแบบนี้คงโกรธเลิกคบไม่เผาผีกันไปแล้ว แม้ซูอินและฮวัลจะไปกันไม่รอด ฮวัลก็ยังใจกว้างดุจขุนเขาและท้องฟ้าอีกครั้งในอดีตภรรยาคบกับเพื่อนสนิทได้ โอ้.....มันช่าง...อืม -_-^^^
สำหรับบทโค้ชซูอินได้ อีฮานามารับบท เธอเองก็ต้องไปฝึกเล่นสเกตเพิ่มเติมถึง 3 เดือนเช่นกันเพื่อให้เข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว มีมาดสมกับโค้ชนักสเกตทีมชาติ เราเองจะติดภาพติ๊งต๊องของเธอในบทMarry ในซีรีย์เรื่องMarried Couple's Attack and Defense Battle แต่กับบทซูอินต้องเคร่งครึมแบบโค้ชและอ่อนโยนมีเหตุมีผลเป็นผู้ใหญ่แบบคนที่แต่งงานแล้ว แต่กระนั้นเราก็ยังเห็นการแสดงออกทางสีหน้าที่ตลกๆของอีฮานาในแบบที่เราคุ้นเคยอยู่เสมอ
สรุปแล้ว Triple เป็นซีรี่ย์ที่ดูสนุกน่าติดตามและมีเกร็ดความรู้ถึงเส้นทางการทำงานของนักโฆษณาและชีวิตหนทางของการเป็นนักสเกต อุปสรรค์ต่างๆและความมุ่งมั่นที่อาจจะมาเติมเชื้อไฟที่กำลังดับมอลงดของใครอีกหลายๆคนอยู่ก็ได้.....Fightting!!!!!

วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2553

Friend our legend เพื่อนเอ๋ยยยยย.....


Friend our legend เพื่อนเอ๋ยยยยย.....
เมื่อ 8 ปีที่แล้วไม่มีใครไม่รู้จักหนังมิตรภาพระหว่างเพื่อนเรื่องfriendที่นำแสดงโดย จางดองกัน ที่ทำรายได้สูงสุดในเกาหลีสมัยนั้น กลับมาคราวนี้ปี2009 สถานนีMBCได้นำตำนานความรักและมิตรภาพระหว่างเพื่อนแห่งพูซานเรื่องfriendกลับมาอีกครั้งในรูปแบบละครและเปิดตัวฮยอนบินนักแสดงหนุ่มที่จะมารับบท ดงซู บทที่ จางดองกันเคยแสดงไว้ในหนังพร้อมด้วยเสียงครหามากมายว่าฮยอนบินจะเหมาะสมเพียงไรกับบทดงซู ชายหนุ่มผู้เลือดร้อน พูดน้อยและเย็นชา พร้อมเปิดตัวผู้กำกับ ควักคยองแทก ให้มากำกับละครเรื่องนี้ สำหรับควักคยองแทกแล้วเค้าคือผู้กำกับหนังเรื่องfriendเมื่อ8ปีก่อน กลับมาคราวนี้เค้าดีใจมากที่จะได้สร้าง friendในรูปแบบละครเพราะเมื่อตอนเป็นหนังด้วยข้อจำกัดของเวลาทำให้ต้องตัดบางส่วนออกไป แต่ในรูปแบบละคร เค้าตั้งใจที่จะใส่ความเป็นตัวตนของตัวละครแต่ละตัวและเพิ่มเนื้อหาที่เข้มข้นมากขึ้นอีกด้วย
Friend our legend เป็นเรื่องราวของชายหนุ่ม 4 คนที่เป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่เด็ก อีจุนซอก ลูกชายเจ้าพ่อมาเฟียแห่งพูซาน ผู้ขาดความรักความอบอุ่นในครอบครัวและเห็นสิ่งที่เลวร้ายของวงการมาเฟียมาตั้งแต่เด็ก ฮันดงซู ชายหนุ่มที่มีปมด้อยเรื่องแม่และมีพ่อที่เป็นสัปเหร่อไร้ศักดิ์ศรี เป็นนักมวย เป็นคนพูดน้อยแต่จริงใจ จองซังแทก เด็กหัวกะทิระดับโรงเรียนใฝ่ฝันจะเป็นทนายความและชีวิตพลิกผันให้เป็นนักข่าว เป็นคนรักความยุติธรรม คิมจุงโฮ ชายหนุ่มอารมณ์ดี มีหัวทางการค้าขายและทำธุรกิจ จริงใจ รักเพื่อนมาก มิตรภาพของพวกเค้าเหนียมแน่นมากโดยเฉพาะจุนซองกับดงซูแต่เค้าทั้ง 2 กลับต้องมาผิดใจกันเพราะความรักที่เค้ามอบให้กับชเวจินซุก สาวน้อยหัวหน้าวง rainbow ที่มีชีวิตต้องดิ้นรนหาเงินเพื่อครอบครัว เธอมีเพื่อนสนิทอีก2คนคือ มินอึนจีลูกสาว สส.ที่ตกหลุมรักดงซูและชองซองแอ แฟนสาวของจุงโฮ หลังจากเรียนจบแต่ละคนก็มีชีวิตตามเส้นทางของตัวเอง ดงซูเป็นชาวประมง ซังแทกเรียนต่อมหาลัยโซล จุนโฮค้าขาย จินซุกทำงานธนาคาร อึนจีเรียนต่อเมืองนอก ซองแอเป็นร้านขายเสื้อผ้า มีแต่จุนซอกที่เลือกเดินทางผิด เข้าแก็งค์มาเฟียและติดยาอย่างหนักแต่เพราะได้ลูกน้องเก่าของพ่อช่วยเหลือเอาไว้เค้าจึงตัดสินใจเลือกเดินเส้นทางของมาเฟียเพื่อสานต่อตำแหน่งของพ่อเค้า ในขณะที่ดงซูกลับจับพลัดจับผลู่เข้าสู่เส้นทางของมาเฟียและได้ติดคุกแทนจุนซอกและนั้นทำให้ดงซูตระหนักว่า ความจริงแล้วโลกใบนี้ไม่ได้สวยงามอย่างที่เราคิด มันโหดร้ายและมีเพียงเงินเท่านั้นสิ่งที่เหมือนน้ำทิพย์ชะโลมจิตใจของดงซูมีเพียงความรักที่เค้ามีให้จินซุกเท่านั้น แต่เมื่อเค้าออกมา จินซุกกลับไม่แน่ใจและเลือกที่จะไปหาจุนซอกอีกครั้ง ทำให้มิตรภาพของพวกเค้าสั่นคลอนพวกเค้าต่างแข่งขันและไม่ไว้ใจกัน ทำให้มีมือที่สามเข้ามาแซกแทรงได้ง่ายแม้จุงโฮและซักแทกจะคอยช่วยเหลือแต่ก็ไม่อาจสมานรอยร้าวได้จนทำให้ทั้งคู่ต้องมาพบจุดจบอันเลวร้าย
เนื่องจากเรื่องราวของ Friend our legend นี้เกิดในสมัยปี 1962-1990 ณ เมืองพูซาน เราจึงได้กลิ่นไอของทะเล เสื้อผ้า หน้าผม ดนตรีในยุค 80 และโทรศัพท์มือถืออันใหญ่ยักษ์ รวมถึงนักแสดงต้องหัดพูดภาษาถิ่นอีกด้วยสำหรับนักแสดงแม้จางดองกันจะเป็นคนเสนอชื่อฮยอนบินให้มารับบทดงซูด้วยตัวเองแต่เพราะอยู่สังกัดเดียวกันจึงทำให้เกิดข้อครหามากมาย ดังนั้นความกดดันจึงมาตกอยู่ที่ฮยอนบิน ที่ต้องทำการบ้านอย่างหนัก ทั้งหัดพูดภาษาถิ่น ฝึกซ้อมและลดน้ำหนักให้รูปร่างและท่าทางเหมือนนักมวย จึงน้อยครั้งที่จะเห็นเค้าrelaxในกองถ่ายเหมือนคนอื่นๆ ฮยอนบินถ่ายทอดความเป็นดงซูได้กระจ่างชัดเจนกว่าในหนังมาก ไม่ว่าจะเป็นปมด้วยเรื่องแม่ในวัยเด็ก การต่อต้านพ่อ พรสวรรค์ที่ซุกซ่อนอยู่ ความรักที่ต้องแข็งขัน ความฝันที่สวยงาม ทำให้เราเค้าใจในตัวดงซูมากขึ้นว่าเพราะอะไรเค้าจึงเปลี่ยนไปในตอนท้าย ในขณะที่คิมมินจุน ผู้รับบท อีจุนซอก เค้าสนิทกับผู้กำกับควักคยองแทกจาหนังเรื่อง loveมาก่อน แต่ถึงกระนั่นเค้าก็อยากจะเล่นบทดงซู แต่สุดท้ายผู้กำกับก็ตัดสินใจให้เค้ารับบทจุนซอก จุนซอกเป็นตัวละครที่มีการพัฒนาตลอดตั้งแต่เด็ก วันเรียน วัยรุ่น จนกระทั้งวัยทำงาน คิมมินจุกแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของช่วงวัยอย่างชัดเจน เค้าออกจะเป็นมาเฟียไฮโซนิดๆเรีบยหรูเพราะเคยมีฐานะมาก่อนเค้าค่อนข้างที่จะเข้าใจวงการมาเฟียได้ดีกว่าดงซู รวมถึงฉลาดหลักแหลม สุขุมมากกว่า แต่ถึงกระนั้นเค้าก็รักดงซูมากเค้ามีความเชื่อว่า “เพื่อนกันไม่ต้องพูดก็เข้าใจ” ซอโดยอง พระเอกหล่อจากเรื่อง spring walfz รับบทซักแทก เด็กเรียนเก่ง รักความยุติธรรม รูปลักษณ์ออกเชยนิดๆในละครได้เพิ่มเติมบทของเค้าในส่วนที่ไปเกณฑ์ทหาร และเส้นทางการเป็นนักข่าว อีซีออน ดาราหน้าใหม่ผู้มารับบท คิมจุงโฮ แม้จะเป็นละครเรื่องแรกบวกกับรูปร่างหน้าตาที่ไม่ได้หล่อเหลามากนักแต่ฝีไม้ลายมือไม่เบาเลย บทของเค้าทำให้เรามองเห็นภาพรวมในเรื่องของมิตรภาพของจุนซอกและดงซูได้ดียิ่งขึ้น นักแสดงหญิงทั้ง 3 คน วังจีฮเย รับบท จินซุก หญิงสาวที่ต้องดิ้นรนหาเงินเพื่อครอบครัว เธอตระหนักดีว่าชีวิตที่ดีต้องมีรากฐานมาจากเงิน เงินคือสิ่งที่เธอต้องการ เธอไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แต่เธอเป็นคนที่ไม่เข้าใจคำว่าศักดิ์ศรีของลูกผู้ชาย จึงทำให้เธอต้องตกที่นั่งลำบากระหว่าง จุนซอก ดงซูและซังแทก ในขณะที่ มินอึนจีที่รับบทโดยจองยูมี ในวัยเด็กเธออาจจะอ่อนต่อโลก เป็นคุณหนูผู้เอาแต่ใจตัวเอง แต่เมื่อโตขึ้นเธอกลับเข้าในชีวิตได้ดีกว่าจินซุกเสียอีก และซองแอ รับบทโดยแบคือริน เรื่องนี้เธอสบายๆ ไม่ซีเรียสเท่าไหร่
โดยรวมแล้ว Friend our legend ในรูปแบบละครดูง่ายและเข้าใจได้ดีกว่ารูปแบบหนัง ละครดำเนินเรื่องไปได้อย่างมีเหตุมีผล เปิดเรื่องมาให้คนดูสงสัยและอยากจะติดตามแล้วค่อยๆเล่าเรื่องความเป็นไปของแต่ละคนตั้งแต่เด็กจนโตผูกเรื่องได้ดีไม่สะดุดแถมด้วยเรื่องราวของวงการมาเฟีย กลโกง แก้แค้น ชิงดีชิงเด่นและการเป็นเพียงแค่คนที่รองมือรองเท้าให้กับพวกนักการเมืองที่เอาแต่โกงกิน คอรัปชั่น (แม้ปัจจุบันวงเวียนแบบนี้ก็ยังมีอยู่) มิตรภาพความรักของเพื่อนที่อยู่ในโลกของความเป็นจริง ..... แม้ไม่ได้สนุกถึงขั้นดูแล้วสบายใจแต่ถามผู้ชายหลายคนแล้วน่ะว่าเรื่อง Friend our legend และหนังเรื่อง Friend ดูแล้วเป็นไง มันบอกทุกคนเลย “เยี่ยม..เนี๊ยแหละลูกผู้ชายตัวจริง ฆ่าได้แต่หยามไม่ได้เว้ยยยย...” เอาเข้าไป -_-^^^

วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553

sophie revenge การแก้แค้นของโซเฟีย


ช่วงนี้เครียดมาหลายวันแล้วทั้งเรื่องงานและส่วนตัวใครที่มีความเครียดแบบนี้ก็อยากจะแนะนำหนังสนุกเรื่องหนึ่ง เป็นหนังดูง่ายๆสบายๆคลายเครียด น่ารักๆๆกุ๊กกิ๊กดี และดาราที่เล่นก็คุ้นหน้าคุ้นตากันดีสำหรับใครที่เป็นแฟนละครของจางซี่ยี่และโจจีซบในภาพยนต์เรื่องsophie revenge การแก้แค้นของโซเฟีย...
หนังเรื่องนี้เป็นการร่วมทุ่นสร้างระหว่าง perface world บริษัทผู้สร้างของจีนและcj entertainmentของเกาหลีที่ใช้งบประมาณส้รางถึง100ล้านบาท โดยจางซียี่โดดขึ้นแท่นเป็นโปรดิวเซอร์และนักแสดงนำเรื่องนี้เองรวมทั้งเป็นคนแคสติ้งนักแสดงเองด้วย sophie revenge เป็นเรื่องราวของโซเฟียสาวนักเขียนการ์ตูนที่กำลังจะแต่งงานกับคุณหมอหนุ่มสุดหล่อจอมเจ้าชู้เจฟ แต่คุณหมอเจฟกลับขอเลิกกับเธอเพื่อไปคบกับนักแสดงสาวสวยมากเสน่ห์อย่างแอนนา โซเฟียเสียสูญอย่างหนัก ยิ่งรู้ว่าแอนนาก็ทิ้งแฟนหนุ่มตากล้องไต้หวันแล้วค่อยมาคบกับเจฟ(โซเฟียเข้าใจผิด)ทำให้เธอยิ่งแค้นและต้องการจะเอาคืนทั้งเจฟและแอนนาจึงคิดวางแผนแก้แค้นโดยได้ความร่วมมือจากเพื่อนสาว 2 คนและอีกหนึ่งหนุ่มตากล้องที่โซเฟียเข้าใจผิดว่าเป็นแฟนเก่าแอนนา...และแล้วเหมือนบุพเพอาละวาทเพราะความใกล้ชิดประกอบกับความน่ารักสดใส ตรงไปตรงมาของโซเฟียทำให้ตากล้องหนุ่มตกหลุมรักโซเฟียเข้าให้..แล้วโซเฟียจะทำอย่างไรกับแผนการในครั้งนี้ล่ะ..^0^
ภาพยนต์แนวคอเมดี้เรื่องนี้ใช้เทคนิคการถ่ายทำคล้ายการ์ตูนที่เป็นฉากของเด็กที่มีหัวเป็นกล่องไว้เก็บความทรงจำ ใช้ลายเส้นของการ์ตูนเข้ามามีบทบาทเวลาที่นางเอกอยู่ในภาวะที่เป็นตัวของตัวเอง สีสันสดใสน่ารัก องค์ประกอบฉากก็ฉับไว เข้าใจง่ายถึงสถานการณ์เวลาที่โซเฟียเสียสูญ..สีของภาพก็สดใสไม่มืดมัวเหมือนสาวที่กำลังอมทุกข์กับความรักทำให้เราดูได้อย่างสบายใจแม้จะมีหักมุมตอนจบแต่ด้วยการเขียนบทและการแสดงของจางซียี่ก็ไม่ทำให้รู้สึกขัดแย้งว่า...อืมเป็นไปได้ไง...แต่กลับออกมาน่ารักมากกว่า..
สำหรับนักแสดงของเรื่องแน่นนอนอกจากจะโปรดิวเองแล้วยังต้องแสดงเองด้วย ปกติเราจะเห็นจาซียี่เล่นหนังที่ค่องข้างซีเรียสไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Crouching Tiger, Hidden Dragon,Rush Hour 2 ,Legend of the Zu ,Memoirs of a Geisha มาเรื่องนี้จาซียี่สลัดภาพเคร่งขรึมมาเล่นบทโซเฟียสาวน่ารัก ช่างจิตนาการ เธอเล่นได้น่ารักขั้นเทพมากๆๆเล่นแบบไม่ห่วงสวยเลยจึงทำให้ดูเป็นธรรมชาติ แล้วรู้สึกเห็นใจโซเฟียและอยากจะเอาใจช่วยเธอเอาคืนเจฟ นักแสดงหนุ่มเกาหลีโจจีซบมารับบท คุณหมอเจฟรูปหล่อจอมเจ้าชู้ เค้าหลงเสน่ห์โซเฟียแต่เพียงไม่นานเมื่อเค้าเจอแอนนาก็เปลี่ยนใจ..แม้บทจะมีไม่มากแถมจีซบต้องพูดภาษาจีนด้วยแต่ก็ไม่อาจจะทำให้เสน่ห์ของหนุ่มคนนี้ลดน้อยลง รัศมียังเปล่งปลั่งเหมือนเดิม..นานๆจะเห็นจีซบเล่นบทตลกๆ เก๊กหลุดก็คราวนี้ล่ะ ไม่เลวเหมือนกัน..ปีเตอร์ โฮ รับบทตากล้องหนุ่มหล่อ เค้าน่ารักดีน่ะ การแสดงออกของเค้าไม่ว่าจะเป็นหน้าตา ท่าทาง ดูมีเสน่ห์มาก ไหลลื่น รับมุข ไปกับจางซียี่ได้อย่างลงตัว ยังมีดาราสาวอีก2คนที่เราคงจะคุ้นหน้าคุ้นตากันดี คนแรกคือ ฟ่านปิงปิง ดาราสาวเจ้าเสน่ห์แอนนา ฟานปิงปิงเล่นได้สวยสง่า ไฮโซ และร้ายแนวคุณหนูเอาแต่ใจ และรูดี หลิง เล่นเป็นเพื่อนสนิทของโซเฟียเราจะคุ้นหน้าตาเธอจากเมื่อหลายปีมาแล้วจากเรื่ององค์หญิงกำมะลอ ทางช่อง 3 มาคราวนี้เราว่าเธอดูสวยขึ้นมาก ตาโตกลม ตัดผมสั้นเปรี๊ยวสุดๆๆ
สำหรับคนที่อกหักรักคุด ที่ว่ากันว่า คนเราจะตาบอดเพราะความรักและจะบ้าสุดๆๆยามอกหัก หนังเรื่องโซเฟียคงจะเป็นตัวอย่างที่ดี เพราะโซเฟียเองก็เกือบจะสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองและคนที่รักเธออย่างจริงใจไป...เป็นกำลังใจให้คนที่อกหักน่ะค่ะ เอาหน่ะ สักวันก็ต้องมีคนดีๆหล่นลงมาจากฟากฟ้าถึงมือเราบ้างล่ะหน่า...-_-^^^

วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2553

HON-SOUL-GHOST ถ้าคุณมีอำนาจคุณจะใช้มันไหม?


ต่อจากคราวที่แล้ว
มาต่อกันที่นักแสดงของเรื่อง นักแสดงหนุ่มมากฝีมืออีซอจิน มารับบทชายหนุ่ม 2 บุคลิกทั้งดีและเลวที่แยกออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนหลังจากจบละครเรื่องอีซาน อีซอจินก็พักงานยาวหลายเดือน(ก็เจอทั้งมรสุมด้านความรักและครอบครัว)กลับมาคราวนี้เค้าอยากสลัดภาพของกษัตริย์อีซานออกและเมื่อผู้กำกับคิมซังโมและคิมแดซอนยืนบทชินรยูให้เค้าก็ตอบตกลงทันที อีซอจินเล่าว่าบทชินรยูนี้ท้าทายความสามารถด้านการแสดงของเค้ามากและบทนี้ก็เป็นบทที่เค้าใฝ่ฝันมานานเพราะด้านหนึ่งต้องแสดงออกาเป็นคนชั่วที่ขนาดฆ่าคนตายได้อย่างหน้าตาเฉยสำหรับบทคนดีอีซอจินแสดงได้ดีอยู่แล้วแม้เราจะรู้สึกแปลกใหม่กับบทบาทอาจารย์มหาวิทยาลัย ส่วนในบทบาทของคนเลวแม้เค้าจะเคยผ่านบทตัวโกงจากเรื่อง wish upon a star แต่มาคราวนี้บทคนเลวอย่างชินรยูนั้นแตกต่างกันมาก อีซอจินแสดงออกมาได้หลอนและลุ่มหลงกับการฆ่าคนได้อย่างน่ากลัวสุดๆๆแต่คนดูกลับไม่เกลียดเค้านั้นเพราะแท้จริงแล้วสิ่งที่ชินรยูทำอาจจะเป็นส่วนลึกของจิตใต้สำนึกของใครหลายคนที่อยากจะกำจัดคนชั่ว คราวนี้อีซอจินลงทุนตัดผมสั้นและโกรกสีผม พร้อมถึงลดน้ำหนักลงถึง 5 kg.แถมอีกนิดกับบทชกต่อยที่ดูเข้มแข็ง ทะมัดทะแมง บู๊กว่าตอนที่รับบทเจ้าพ่อมาเฟียใน loverเสียอีก ด้านนางเอกของเรื่องได้มีการเลือกนักแสดงใหม่ที่จะมารับบท ยูนฮานา สุดท้ายสาวน้อย อิมจูอึม ก็คว้าบทนี้ไปครองว่ากันว่าผู้กำกับชอบหน้าตาที่ดูแปลกของเธอและดวงตาที่กลมโต แน่แหละฉากผีเข้าสิงเธอเล่นได้น่ากลัวมาก ถลึงตาซ่ะหลอนเลย การแสดงของอิมจูอึมถือว่าหินมากเพราะเธอต้องแสดงสื่อออกมาในรูปแบบของจินตนาการในจิตใจ ความสับสน ความโกรธเครียดแค้นแบบผีซึ่งเธอก็ทำออกมาได้อย่างไม่ผิดหวัง (เล่นเรานอนไม่หลับไปหลายคืน) ดร.อีแฮวอนรับบทโดย ลีจิน อดีตนักร้องวง Fin.K.L สีจินเล่นได้สง่า มีมาด มีความรู้สมดีกรีด๊อกเตอร์ด้านจิตวิทยา ปาร์คกอนอิล นักร้องวง super nova รับบทจองชีอูเพื่อนสนิทของยูนฮานา เป็นละครเรื่องแรกของเค้า แม้บทบาทของเค้าค่อยข้างเข้าใจยากว่าสำนึกในจิตใจเค้าต้องการอะไรและแถมมาตายง่ายๆตอบจบอีก แต่บทของเค้าก็สำคัญเพราะเป็นตัวกระตุ้นให้คนดูคอยติดตามพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของชินรยู จียอน นักร้องวง T-ARA รับบทยูนดูนา น้องสาวฝาแฝดของฮานา ตอนมีชีวิตจียอนเล่นได้น่ารักมาก ขาวใสไร้ที่ติ พอตายกลายเป็นผีก็น่ากลัวเหลือเกินเรื่องนี้นักแสดงส่วนใหญ่เป็นนักแสดงวัยรุ่นและเป็นถึงนักร้อง อดีตนักร้องทั้งนั้น แม้จะเป็นละครที่เครียดและน่ากลัวแต่เบื้องหลังกองถ่ายสนุกสนานมากโดยเฉพาะอีซอจินจะเป็นคนคอยสร้างเสียงหัวเราะอยู่เสมอแม้จะถูกกัดเรื่องอายุอยู่บ่อยๆก็ตาม
สำหรับละครเรื่องนี้นอกจากจะมีความน่ากลัว สยดสยองแล้วยังแฝงแง่คิดและสาระไว้เพียบว่าจริงๆแล้วอะไรที่น่ากลัวกว่ากันระหว่างคนกับผี ดังคำที่ชินรยูกล่าวไว้ว่า “การต่อสู้กับคนเลว ระหว่างการต่อสู้นั้น เค้าต้องพยายามอย่างมากเพื่อไม่ให้ตัวเองกลายเป็นคนชั่ว เมื่อเรามองก้นบึ้งจิตใจของคนชั่ว ก้นบึ้งนั้นก็กำลังมองเราอยู่เช่นกัน”

วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2553

HON-SOUL-GHOST…ใจมนุษย์ยากนักที่จะหยั่งถึง!!!


ทุกวันนี้เราจะได้รับรูข่าวสารถึงความรุนแรงตามหน้าหนังสือพิมพ์ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนตบตีกันแล้วถ่ายคลิปเก็บไว้ประจาน เด็กติดยาบ้าฆ่าชิงทรัพย์ การตามล้างแค้นของเด็กช่างกล ยิงกันตาย ฆ่าปาดคอชิงทรัพย์ เด็กทำร้ายเจ้าหน้าที่เพื่อหนีออกจากสถานกักกัน ฯลฯ อะไรน่ะที่ทำให้คนโหดร้ายได้เพียงนี้ แล้วคนเหล่านั้นสมควรได้รับบทลงโทษหรือไม่ เราหรือญาติผู้เสียชีวิตสามารถให้อภัยพวกเค้าเหล่านั้นได้หรือไม่ พวกเค้าสามารถเปลี่ยนแปลงกลับตัวเป็นคนดีเพื่อกลับเข้าสู่สังคมได้หรือไม่.....หรือพวกเค้าสมควรตาย!!!
Hon_soul_ghost เป็นซีรี่ย์แนวสยองขวัญเรื่องล่าสุดของ MBC หลังจากที่ไม่ได้สร้างละครแนวนี้มานานถึง 14 ปี โดยผู้กำกับคิมซังโอจาก fantasy coupleและคิมแดซอนจาก auction house หยิบเหตุการณ์ที่เราอ่านเจอตามหน้าหนังสือพิมพ์ทุกวันว่า ปัจจุบันนี้ฆาตกรเริ่มที่จะมีอายุน้อยลงเรื่องๆจนถึงระดับเยาวชนและมีคำถามคาใจว่าเยาวชนเหล่านี้สมควรได้รับการอภัยและบำบัดจิตใจ(ละลายพฤติกรรม)เพื่อกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้หรือว่าพวกเค้าควจจะชดใช้กรรมที่ได้ก่อขึ้นไว้....
Hon_soul_ghost กล่าวถึงนักเรียนสาว ยูนฮานา ที่สดใสร่าเริง เข้มแข็ง กล้าหาญ หลังจากที่เธอรับรู้ถึงสาเหตุการฆ่าตัวตายของรุ่นที่รองประธานที่โรงเรียนและเป็นเหตุให้น้องสาวฝาแฝดของเธอ ยูนดูนา ต้องเสียชีวิตในกองเพลิงต่อหน้าต่อตาเธอและผลจาการตายของรุ่นพี่กับน้องสาวทำให้ฮานาพบว่าเธอสามารถเห็นผีและผีก็สามารถเข้าสิงร่างกายของเธอเพื่อแก้แค้นได้อีกด้วย ศาสตราจาย์ชินรยู ผู้เชียวชาญด้านอาชญกรรมมาทำคดีที่กรมตำรวจ เค้าเป็นทั้งอาจารย์ นักจิตวิทยาและนักสะกดจิต เค้าเกลียดคนชั่วมากที่สุดและคิดว่าคนเหล่านี้ก็เหมือนกับขยะที่ควรขจัดไปจากสังคมและเมื่อเค้าได้พบฮานาจึงได้สะกดจิตรักษาเธอให้หายจากความรู้สึกผิดในวัยเด็ก ทำให้เค้าได้รับรู้ความสามารถของฮานา และคิดว่าเค้าคือคนที่จะสามารถขจัดคนชั่วเหล่านั้นให้ออกจากสังคมได้โดยใช้ความสามารถพิเศษของฮานาที่รักและเชื่อใจเค้ามากที่สุด...ชินรยูมีคนรักคือ ดร.อีแฮวอน ด๊อกเตอร์ด้านจิตวิทยา เธอเป็นทั้งคนรักและเพื่อนร่วมงาน คอยให้คำปรึกษาแก่ชินรยู อีแฮวอนเชื่อว่า มนุยษ์สามารถเปลี่ยนแปลงได้ คนที่ทำผิดหากได้รับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เหมาะสมก็สามารถเปลี่ยนเป็นคนดีและกลับเข้าสู่สังคมได้ซึ่งความคิดนี้ขัดแย้งกับชินรยูโดยสิ้นเชิง ทนายแอกโทซิก ทนายที่ชอบว่าความให้ลูกความที่คิดว่าตัวเองไม่ผิด เค้าเป็นคนชั่วร้าย ตักตวงผลประโยชน์ให้แก่ตัวเองโดยอาศัยช่องโหว่ของกฎหมาย ช่วยเหลือคนที่กระทำผิดให้พ้นผิด เค้าเคยว่าความให้ 3 เยาวชนที่ฆ่าน้องสาวชินรยูให้พ้นผิดและเค้าก็เป็นคนวางแผนเผาโรงเรียนอนุบาลในสมัยเด็กของฮานาเพื่อหวังฮุบที่ดิน เค้ามีลกชายชื่อแบกจุนชัง ขาโจ๋ในโรงเรียนที่ฮานาเรียนอยู่เค้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของรองประธานและน้องสาวของฮานา เพราะการอบรมที่ผิดๆของพ่อทำให้เค้าเป็นคนชั่วร้าย...ฮานามีเพื่อนสนิทคือจองชีอู เด็กหนุ่มผู้สูญเสียแม่ไปในวันที่เค้าเกิดและพ่อที่เกลียดเค้า เค้าใช้ชีวิตอยู่ในบ้านที่หรูหรา ชอบสะสมมีดและชอบศึกษาอาชญกรรมทุกรูปแบบ มีชินรยูเป็นฮีโร่แต่เมื่อเค้ารู้ว่าชินรยูหลอกใช้ฮานาเค้าก็เริ่มเกลียดชินรยูจนอยากฆ่าให้ตาย...
ถือว่าเป็นละครที่แรงพอสมควรแม้จะมีการจัดเรตเอาไว้ที่อายุ 19 ปีแต่ก็มิได้ต้านกระแสความแรงได้(เรตติ้งดีมาแม้ฉายแค่ 2 ตอนแรก)อาจเป็นเพราะเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้รอบๆๆตัวเราไม่ว่าจะเป็นการถูกรังแกในโรงเรียน ฆาตกรต่อเนื่อง เยาวชนฆ่าคนแล้วไม่ผิด คุณหมอที่ไร้ความรับผิดชอบในการรักษา ความอยุติธรรมในสังคม อัยการและทนายชั่ว นักการเมืองที่จ้องจะโกงกินบ้านเมือง ละครเรื่องนี้พูดถึงความคิดของคนที่เปรียบเสมือนเหรียญสองด้านที่มีทั้งด้านดีและชั่ว คนเลวที่เลวโดยสันดานดิบ เลวเพราะถูกกดดัน เลวเพราะผลประโยชน์ เลวเพราะคิดว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกต้อง แล้วแบบไหนที่สมควรถูกลงโทษเมื่อกฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์ คนชั่วไม่ได้รับการลงโทษ แพ้อำนาจเงิน แล้วอะไรกันล่ะที่จะลงโทษพวกเค้า...
เมื่อผู้เขียนดูละครเรื่องนี้แล้วทำให้นึกถึงหนังเรื่องหนึ่งที่แสดงโดยเจนนิเฟอร์ โลเปซ คือ THE CELL เรื่องนี้เจโลแสดงเป็นนักจิตวิทยาที่ใช้จิตของตัวเองเข้าสู่ประตูฝันของฆาตกรในรูปแบบของผู้สังเกตการณ์ แน่นอนสิ่งที่เราเห็นไม่ต่างจากเรื่องนี้นั่นคือ พฤติกรรมในวัยเด็กและการอบรมเลี้ยงดูนั้นเอง ไม่ว่าจะเป็นลูกของทนายแบกและ3 killer ที่ฆ่าน้องสาวและทำร้ายชินรยู แม้ชินรยูจะเลือกที่จะไม่ใช้ฮานาแต่เค้ากลับเลือกที่กำจัดคนเหล่านั้นด้วยตัวเค้าเองตามวิชาและประสบการณ์ที่สะสมมาและนั่นทำให้เค้าถูกปีศาจร้ายควบคุมจิตใจอย่างถอนตัวไม่ขึ้นการกระทำของเค้าไม่ต่างจากฆาตรกรต่อเนื่องที่มีหน้าฉากเรียบร้อย ใจดี สุภาพ แต่อีกด้านกลับเสพสุขกับความตายของคนเลวเพราะคิดว่าสิ่งที่เค้าทำมันถูกต้องโดยหลงลืมไปว่า เค้าไม่ใช่พระเจ้าที่สามารถหยิบยื่นบทลงโทษและความตายให้ใครก็ได้...
ในเรื่องนี้ยังได้มีการนำวิธีรักษาทางด้านจิตวิทยาและการสะกดจิตเข้ามา การกำกับเรื่อง ภาพและฉากทำให้เราเข้าในถึงสภาพภายในจิตใจของคน รูปแบบการปิดกั้นตนเอง ภาพความสุขในจิตนาการและการใช้น้ำมาเป็นตัวบอกถึงการเกิดใหม่เหมือนความสุขที่กำลังอยู่ในครรภ์ของมารดา การถ่ายภาพ การตัดต่อ คอมพิวเตอร์กราฟฟิกทำได้หน้ากลัวดี ไม่ว่าจะเป็นฉากหักคอ ภาพผีที่ตามหลอกหลอน สยดสยองตามแบบฉบับเกาหลีดี การย้อนรอยถึงสถานการณ์ การแสดงออกทางสายตาแทนบทพูดก็ทำให้คนดูเข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน...
ต่อบทความที่ 2

วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2553

LOVER คุณหมอปากจัดกับมาเฟียแก้มบุ๋ม


LOVER คุณหมอปากจัดกับมาเฟียแก้มบุ๋มLover เป็นซีรี่ย์season ของสถานี SBS เป็น lover season ที่ 3 ต่อจาก lover in paris (2004) lover in Prague (2005) ซึ่งทั้ง 2 season ก็โกยเรตติ๊งได้อย่างสวยงามตามสโลแกนไม่เน้นหน้าตาแต่เน้นฝีมือ ในปี 2006 lover season ที่3 ก็ได้กำเนิดขึ้นจากโครงสร้างภาพยนตร์ A Promise เป็นเรื่องราวความรักของมาเฟียกลับใจกับคุณหมอศัลยกรรม ทำแสดงโดย อีซอจิน ณ อีซาน และนางเอกสาวlover season แรก คิมจองอึน ในละครซีรี่ย์เรื่อง LOVER
ฮาคังเจ มาเฟียระดับหัวหน้าต้องการบริษัทก่อสร้างเพื่อเป็นฐานอาชีพในการล้างมือจากวงการมาเฟียของประธานคังโดยเค้าไม่รู้มาก่อนเลยว่าประธานคังคือพ่อแท้ๆของเค้าและมีแผนที่จะยกบริษัทก่อสร้างแห่งนี้ให้เค้าเพื่อใช้ในการล้างมือจากวงการมาเฟีย ประธานคังมีลูกชายอีกคนหนึ่งคือเซวอน สำหรับเซวอนแล้วฮาคังเจคือสุนัขที่เข้ามาอาศัยในบ้านและแยกทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเค้า ยูนมีจู หมอศัลยกรรมและเป็นเจ้าของที่ดินบนเกาะซินซึ่งพ่อที่เป็นบาทหลวงนำโฉนดไปค้ำประกันและถูกโกงจนทำให้ที่ดินผื่นนั้นต้องถูกประมูลโดยผู้ดูแลการประมูลและคิดที่จะซื้อที่ดินผืนนั้นก็คือฮาคังเจ หมอยูนถูกแม่เซวอนหลอกให้ไปดูตัวและเซวอนเองก็ประทับใจในความตรงไปตรงมาของเธอ ฮาคังเจคบกับยูจินแฟนสาวมา 8 ปี ยูจินต้องการที่จะสร้างครอบครัวในขณะที่คังเจกลับปฏิเสธ ขณะที่เกิดภาวะสั่นคลอนก็มีเรื่องภายในแก๊งค์มาเฟียและหมอยูนก็ได้ช่วยชีวิตคังเจไว้จาการถูกแทงและนั้นทำให้คังเจรู้ว่าเจ้าของที่ดินบนเกาะซินคือหมอยูนและเมื่อไปเกาะไหหลำเค้าก็ได้รู้อีกว่าหมอยูนก็คือคู่ดูตัวของเซวอนนั้นเอง แม้จะชอบต่อปากต่อคำกันแค่คังเจก็รู้สึกดีกับหมอยูนและช่วยจับคนโกงประกันที่ดินเพื่อตอบแทนที่หมอยูนมอบรูปถ่ายคนที่ลอบทำร้ายให้ คังเจทราบจากหมอยูนว่ายูจินตั้งครรภ์ เค้าพยายามประคับประคองความสัมพันธุ์ของเค้าและยูจินในขณะที่ความรักที่เค้ามีให้หมอยูนกลับมากขึ้นจนเก็บไว้ไม่ได้ และเซวอนก็คิดจริงจังกับหมอยูนและตั้งใจคบกับเธอรวมถึงชาติกำเนิดของคังเจและเซวอนก็ได้ถูกเปิดเผยขึ้น พร้อมกับการแก้แค้นของหัวหน้ามาเฟียที่ต้องการชีวิตคังเจ
ต้องบอกว่าตัวผู้เขียนเองนั้นติดใจพระเอกเกาหลีหน้าตาดีหลายคนแต่สำหรับพระเอกเกาหลีที่เน้นฝีมือไม่เน้นหน้าตา อีซอจินก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ผู้เขียนสนใจตั้งแต่เค้าเล่นเรื่อง phenix และfreezer นักแสดงมากฝีมือคนนี้แสดงพลังของการแสดงมืออาชีพจนกลบหน้าตาซะมิด ฝีมือนั้นสามารถนำพาจิตใจผู้ชมให้อินไปตามบทบาทของตัวละครจนมองข้ามหน้าตาไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ ในบ้านเราจะติดใจเค้าในบทบาทของกษัตริย์อีซาน ซึ่งเป็นเรื่องที่เค้าเล่นหลังจากจบเรื่อง lover และนั้นก็เป็นจุดที่พีคที่สุดของอาชีพนักแสดงของเค้า ใน lover เค้ารับบทเป็นฮาคังเจ ผู้ไม่เคยได้รับและให้ความรักแก่ใคร มีชีวิตอยู่อย่างหมาข้างถนน ไต่เต้าเป็นหัวหน้ามาเฟียมีสมุนคู่ใจซ้ายและขวา บทบู้ชกต่อย อีซอจินเล่นได้ดียิ่งบทต่อปากต่อคำกับนางเอกแล้วเราดูแล้วรู้สึกสนุกทุกครั้ง เค้าเหมือนเป็นตลกหน้าตาย แม้บางฉากอาจจะรู้สึกซับซ้อนในความคิดของคังเจ โดยเฉพาะเรื่องความรักที่เค้าแสดงต่อนางเอกจริงอยู่ที่ความใกล้ชิดอาจก่อให้เกิดความรักและยิ่งยูจินแท้งลูก เรายิ่งสับสนว่า...”เอ่อ....เค้ารักกันแล้วหรอ..นี่เค้าคบกันแล้วใช่ไหม..”ยิ่งตอนจบพระเอกออกมาจากคุกแล้วนางเอกมาง้อก็รู้สึกว่า “เอ่อ..รับรักไปเถอะตอนจบแล้วนิ..”ซึ่งจริงๆแล้วบทแบบนี้ถ้าอยู่เกือบท้ายเรื่องก็น่าจะเล่นได้เยอะอยู่หรือให้พระเอกตายไปเลย แต่ก็อย่างว่า lover season คงไม่จบแบบนี้หรอก(เอาเถอะ) คิมจองอึมรับบทยูนมีจู หมอศัลยกรรมผู้ตรงไปตรงมาปากจัด ติ๊งต๊อง บทแบบนี้เข้าทางเธออยู่แล้วตั้งแต่เรื่อง how to keep my loveและ lover in paris แม้บางครั้งจะรำคาญเสียงร้องไห้ของเธอไปบางก็ตามและบางตอนเราก็ยังสงสัยปมในจิตใจของนางเอกและเหมือนกับถูกยัดเยียดให้เรารู้สึกเคร้าทั้งๆที่เราไม่รู้ที่มาที่ไปเรื่องแม่ที่เสียชีวิตไปเลย แต่กระนั้น lover ก็ทำได้ดีกับฉากบู้ที่เร้าใจและน่าตื่นเต้น ภาพรวมของวงการมาเฟีย ชั้นเชิงธุรกิจ สถานที่ถ่ายทำก็สวยรวมถึงการผูกปมในเรื่องชาติกำเนิดของพระเอกและพระรองก็สมเหตุสมผลดี และอีกคนหนึ่งที่เราจะไม่กล่าวถึงไม่ได้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเค้าหรือเปล่าที่ทำให้ loverลงจอฉายบ้านเรานั้นก็คือ คิมนัมกิล ที่กำลังดังสุดๆในบทของ พีดัม ในละเรื่อง QUEEN SEON DEOK ในตอนนั้นเค้าใช้ชื่อในวงการว่า อีฮัน หนุ่มเจ้าของความสูงชะลูด 184 cm. คนนี้โดดเด่นมาก ยิ่งเวลาเข้าฉากต่อสู้หรือclose up แบบ 3 คนเค้าแทบกลบรัศมีอีซอจินเลย คิมนัมกิลรับบทเตชิน..ที่ดูแข็งแกร่ง สุขุม ลุ่มลึก ทั้งท่าทางการพูดการจาซึ่งดูไม่มากไม่น้อยจนเกินไป มีตลกออกมาบ้างก็ทำให้ดูน่ารักน่าเอ็นดูไปอีกแบบ
โดยรวมแล้ว lover เป็นซีรี่ย์ที่มีครบทุกรส ทั้งบู้ต่อสู้ ตลกโปกฮา ดราม่า รักโรแมนติก โดยเฉพาะนางเอกพระเอกที่อินทั้งในจอและนอกจอ (มิน่าพระเอกน้ำตาลต่ำตลอด นางเอกเลยต้องเติมหวานแซวกันนอกบทตลอด ) loverจบด้วยเรตติ๊งที่สวยงามทั้งละครและคู่พระนาง แต่เอ...เค้าจะสร้าง lover season 4 ต่อไหมน่ะ.....^_^ อิอิอิ

วันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

You are beautiful …ขำๆๆ


You are beautiful เป็นซีรี่ย์ที่อยากดูมานานแล้ว แค่เปิดตัวนักแสดงก็รู้ว่าสนุกแน่ๆและก็เป็นยังงั้นจริงๆ
You are beautiful เป็นเรื่องราวของวงดนตรีที่มีนามว่า A.N.JELL ที่มีสมาชิก 3คนอันได้แก่ ฮวังแทคยอง คังชินอู และเจรามี แต่เนื่องจากต้นสังกัดเห็นว่ามีสมาชิกน้อยเกินไป จึงรับนักร้องเพิ่มอีกคน นั้นก็คือ โกมีนัม ซึ่งปัญหาอยู่ที่โกมินัมนั้นไปผ่าตัดแก้ตา 2 ชั้นต้องพักรักษาตัวอีก 1 เดือน ทำให้ไม่สามารถมาเซ็นสัญญาและทำกิจกรรมการโปรโมตได้ เดือนร้อนถึงผู้จัดการส่วนตัว(จอมจุ้น)ต้องไปตามหาน้องสาวฝาแฝดของโกมีนัมมาปลอมตัวเป็นพี่ชายไปใช้ชีวิตร่วมบ้านกับ วง A.N.JELLจึงเกิดเรื่องราววุ่นๆขึ้นเมื่อ โกมิยอถูกสมาชิกในวงจับได้ว่าเป็นผู้หญิง..
แค่เรื่องราวคร่าวๆก็รู้ว่าสนุกแล้วเพราะซีรีย์เรื่องนี้ได้ผู้กำกับมากฝีมือที่เคยฝากฝีมือไว้ใน daughter-in-low และ smile again แถมยังได้ 2 พี่น้องตระกูลฮง ฮงมีวันและฮงจองอึง ซึ่งเป็นสุดยอดฝีมือนักเขียนบทซีรีย์แนวน่ารักสดใส อาทิเรื่อง sessy girl chun hyang , hong gil dong , couple of fantasy และ my girl จึงไม่แปลกที่เวลาเราดูจะรู้สึกถึงกลิ่นไอของละครพวกนี้อยู่มาก สำหรับนักแสดงต้องบอกว่าเป็นอะไรที่แปลกใหม่มาก นักแสดงได้รับบทที่มีวัยใกล้เคียงกับตัวจริงฉนั้นจึงแสดงออกมาได้อย่างไม่ขัดตานัก
ฮวังแทคยอน นักร้องนำประจำวง ผู้มากความสามารถทางดนตรี รักสะอาด เนี๊ยบสุดๆๆ รับบทโดย จางกึนซอก นักแสดงหนุ่มที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น พระรองใน hong gil dong ,Beethoven virus, hwang jin yi หนุ่มคนนี้มีพัฒนาการในการแสดงมากๆ หลังจากถูกวิจารณ์มาเยอะจาก hong gil dong มาเรื่องนี้ You are beautiful จางกึนซอก รับบทพระเอกเต็มตัว เค้าเองพยายามหา characterที่เหมาะสมของฮวังแทคยองอยู่ไม่น้อยไม่ว่าจะเป็นทรงผม ท่าทาง การแต่งหน้าการแต่งตัว ทำให้เรานึกถึง characterของตัวละครที่เราผ่านตามาเช่น ท่านจิอากิ จากเรื่อง nodame cantabile วุ่นรักนักดนตรี (ยิ่งดีก็ยิ่งเหมือน) คูจุนพโย จาก F4ฉบับเกาหลี(เวลาพระเอกทำท่าเก็ก หยิ่งยะโสโอหังและทรงผมหัวสับปะรด ขนาดนางร้ายยูเฮอียังแอบด่าเลยว่า “ไอ้ทรงผมหัวสับปะรด” )และL จาก deathnote (อันนี้น่าจะมาจากการเขียนสโมกี้อาย+การเอียงคอ) แต่เมื่อไหร่ที่ฮวังแทคยองยิ้ม โอ้....จางกึงซอกตัวจริงกลับมาแล้ว (น่ารักกกก)เราว่าเค้าถูกโฉลกกับบทนักดนตรีน่ะไม่ว่าจะเป็นหนัง the happy life ,Do Re Me.. และ Beethoven virus และเรื่องนี้เค้าต้องร้องเพลงประกอบละครเองด้วย คังชินอู รับบทโดย จองยงฮวา นักร้องวง c.n.blue นับเป็นการแสดงละครเรื่องแรกของยงฮวาถือว่าสอบผ่านเพราะบทส่งขนาดนั้น สาวๆในเกาหลีทั้งในและนอกประเทศติดใจกับบทบาทพี่ชินอู เพราะเป็นบทพระรองตามแบบฉบับเกาหลีของแท้มากๆๆ หล่อขั้นเทพ เสียสละ แสนดี สุภาพ รักเดียวใจเดียว พร้อมจะปกป้องคนที่เรารัก (ซึ่งแน่นอนเป็นผู้ชายที่หาไม่ได้ในโลกใบนี้)จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมยงฮวาและวงc.n.blue จะดังชั่วข้ามคืน อีฮงกี นักร้องนำวง F.T.Island มารับบท เจรามี มือกลองที่สดใสดั่งดวอาทิตย์ ฮงกีเหมาะกับบทนี้มาก แม้เวลาที่เค้าแสดงบนเวทีในฐานะนักร้องนำวง F.T.Island แล้วเราพานจะคิดถึงว่าเค้าน่าจะเหมาะกับบทฮวังแทคยองมากกว่าแต่ด้วยนิสัยของฮงกีที่มีความสดใสน่ารักอยู่ในตัวมากกว่าเงียบขรึม ทำให้บทเจรามี น่าจะเหมาะกับเค้ามากกว่า เจรามีเป็นตัวละครที่มีสีสันมาก และฮงกีก็ทำได้ดีทั้งที่ห่างหายจากการแสดงนานถึง 5 ปีก็ตาม บทร้องไห้ที่ผู้กำกับแอบแถมให้ ฮงกีก็ทำได้ดี น้ำตาไหลพรากได้เช่นกัน(เก่งมากหมูฮงของเรา..^0^) มาถึงบทนางเอก ปาร์กชินฮเย มารับบท โกมินัม/โกมิยอ นางเอกสาวคนนี้เธอผ่านบทบาทมาแล้วมากมายหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นบทบาทสาวเจ้าน้ำตาจาก stairway to heaven และ tree of heaven บทร้านในเรื่อง Goong S , Evil twin มาเรื่องนี้ปาร์คชินฮเยได้รับบทที่ไม่ห่างจากวัยของตัวเองทำให้ การแสดงออกมาไม่overและน่ารักเป็นธรรมชาติ มีเสน่ห์ เรียกว่าทุกฉากที่เธอเล่นจะมีความสดใสแต่มีอยู่ฉากเดียวที่เรารู้สึกว่าอยากจะแหวกจอเข้าไปเบริด์กะโหลกนางเอกสักทีก็ตอนที่พี่ชินวูของเราพาเธอไปสร้างlover story ที่กำแพง พี่ชินวูของเรากำลังเศร้าแต่นางเอกของเราก็ช่างไม่รู้เลยมัวเล่นแบบติ๊งต๊องอยู่ได้จริงๆเลยแต่เธอก็ยังรักษามาตรฐานสาวเจ้าน้ำตาได้ดีในส่วนที่เธอแอบหลงรักพระเอก
ตัวละครอีกตัวที่น่าสนใจคือนางร้ายหน้าใหม่ ยูอีจากวง after schoolกับบทนักแสดงหญิงเจ้าของฉายา นางฟ้าของเกาหลี ที่เบื้องหลังคือซาตานขี้อิจฉา เสแสร้ง ยูอีแสดงออกมาได้ร้ายแบบน่ารักอยู่ในตัวและบทก็ตอบสนองความร้ายของเธอด้วยผลกรรมอย่างรวดเร็ว ทำให้คนดูไม่เครียดไปกับเธอว่า”หล่อนจะทำอะไรอีกเนี๊ย” มีตอนเดียวที่เราว่าเธอใจร้ายไปหน่อยก็ตอนที่เธอเอารองเท้าที่พี่ชินวูแอบซื้อให้นางเอกมาให้นางเอกใส่ให้ดูต่อหน้าเค้า ซึ่งพี่ชินวูอับอายในความโง่ของเค้ามาก อีกคนหนึ่งที่ขาดไม่ได้ เป็นตัวละครที่ก่อกำเนิดเรื่องราววุ่นๆตั้งแต่เริ่มต้นโดยไปเอาโกมิยอมาปลอมตัวเป็นโกมินัม พาป้าของมีนัมมาอยู่ที่บ้านพักของวง บอกพระเอกว่ามียอรักพี่ชินวู จนจบตอนสุดท้านยังแอบพามีนัม(ตัวจริง)ไปรับงานนอกอีก นั่นก็คือ เมเนเจอร์ ผู้จัดการจอมยุ่งของมีนัม นั่นเอง แต่เพราะบทของเค้าทำให้เรื่องราวดำเนินต่อไปและทำให้พระเอกจอมเก็กของเรากล้าที่จะแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมา...
สรุปแล้ว You are beautiful เป็นซีรี่ย์ที่คลายเครียดได้เปอย่างดี เพราะหัวเราะสนุกสนานตั้งแต่ตอนที่1ถึงจบแม้จะมีแอบเครียดด้วยเรื่องชาติกำเนิดของนางเอกและพระเอกแต่ก็ไม่มากเกินจนทำให้ละครเสียอรรถรสไป ยิ่งได้เห็นหน้าหล่อๆของนักร้องวงA.N.JELLแล้ว ถือว่าคลายเครียดไปเยอะ...^0^

วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Sky of love “คุณมองท้องฟ้าแล้วคุณคิดถึงอะไร”


Sky of love “คุณมองท้องฟ้าแล้วคุณคิดถึงอะไร”

เริ่มแรกที่รู้จักก็ทำออกมาเป็นหนังเสียแล้ว บอกตรงๆว่าไม่รู้เรื่องราวมาก่อนรู้เพียงแต่ว่า หนังเรื่องนี้ดังมาก ร้องไห้กันทั้งโรง แม้กระทั่งใบโปสเตอร์หนังยังถามว่า คุณร้องไห้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ แต่ผู้เขียนเองซื้อ dvd เก็บไว้กะว่าจะดูว่าเป็นอย่างไร แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ดูเสียที จน sky of love ทำออกมาในรูปละครและก็ได้ซื้อไว้แล้ว ขณะนั้นก็ชั่งในว่าจะหยิบอันไหนดูก่อนดีระหว่างละครหรือหนัง แต่สุดท้ายก็เลือกละคร และเป็นการเลือกที่คิดไม่ผิดจริงๆๆ วันนี้ผู้เขียนจะเปรียบเทียบทั้งหนังและละครทีเดียวพร้อมกันเลยน่ะค่ะ
Sky of love เป็นเรื่องราวของมิกะ เด็กสาววัยเรียนอายุ16 ปี เธอไม่เคยมีความรัก จนมาพบกับฮิโรกิหรือฮิโร่เด็กหนุ่มผมสีทองที่มีนิสัยตรงไปตรงมา มันคือรักครั้งแรกของมิกะ เธอปรารถนาที่จะให้รักครั้งแรกของเธอสวยงาม ค่อยเป็นค่อยไปอย่างช้า ค่อยๆรู้จัก ค่อยๆพัฒนาแต่เธอเองก็ไม่สามารถที่จะบอกได้ว่าจุดไหนคือความต่อเนื่องของความรัก จุดไหนคือความพอดี และนั้นทำให้เธอประสบปัญหาตั้งครรภ์ในวัยเรียน ถึงแม้เธอจะแท้งไปในภายหลังแต่เธอก็ยังคาดหวังว่าความรักของเธอและฮิโร่ะก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงแต่แล้วเหมือนสวรรค์แกล้งโรคร้ายต้องมาพรากฮิโร่ะไปจากเธอ...เธอต้องต่อสู้กับการสูญเสียและยิ่งกว่าการสูญเสียคือการปิดบังความลับที่ไม่ให้เธอรู้ (จุดนี้เองที่ทำให้ผู้ชมต้องเสียน้ำตาไปกับความรักของมิกะและความลับที่เสียสละของฮิโร่ะ)
ในภาพรวมของหนังแล้ว ด้วยเวลาที่จำกัด ทำให้เรืองราวดูเร่งรัดและตัดตอนเกินไปหน่อยทำให้เราไม่ค่อยซาบซึ้งถึงความรักที่ฮิโร่ะมอบให้มิกะว่ามากมายขนาดไหนถึงขนาดยอมที่จะบอกเลิกกับเธอเพื่อมาต่อสู้กับโรคร้ายเพียงลำพัง และ ความรักของมิกะเองที่เธอคาดหวังไว้พังทลายลงมาอย่างไม่มีชิ้นดีเมือเธอต้องสูญเสียลูกและเลิกกับฮิโร่ะไป..แต่ในหนังจะเก็บความลับเรื่องโรคร้ายของฮิโร่ะไว้เพียงเพื่อมาเฉลยในตอนหลังของหนังแต่ในขณะที่ละครกลับแสดงถึงการพัฒนาความเป็นไปของชีวิตแต่ล่ะตัวละคร ครอบครัว ของมิกะและฮิโร่ะ และเรื่องราวของความรัก การสูญเสีย การแก้ปัญหา การใช้ชีวิตต่อไป การดำเนินของโรคร้ายของฮิโร่ะ ถือว่าละครทำได้ดีกว่ามากๆๆ คนดูสามารถสัมผัสได้ถึงความรักของครอบครัวมิกะไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อที่รักลูกสาวมาก คุณแม่ที่พร้องจะเสียสละเพื่อนครอบครัวและพี่สาวที่อยู่เคียงข้างน้องสาวเสมอ กับอีกหนึ่งครอบครัวของฮิโร่ะที่พี่สาวรักน้องชายมากที่สุด คุณแม่และคุณพ่อที่เชื่อใจในตัวลูก...และพร้องที่จะต่อสู้โรคร้ายไปพร้อมๆกับลูกชาย....
สำหรับนักแสดงแน่นอนว่าหนังมีภาษีดีกว่าเพราะได้นักแสดงนำหญิงอารากากิ ยูอิ นักร้องและนักแสดงวัยรุ่นที่ดังในญี่ปุ่นมานับบทมิกะและมิอุระ ฮารุมะ มารับบทฮิโรกิ (ฮิโร่ะ) และนักแสดงรับเชิญ โคอิเดะ เคซึเกะ จาก love and farm มารับบท ยู แค่เพลงประกอบ heaven ก็ติดชาร์ตทุกสถานีวิทยุ ส่วนในละคร ได้ เอเรน่า มิซูซาว่า มารับบท มิกะ และเซโต โคจิ รับบท ฮิโร่ะ และ มัทสูดะ โชตะ รับบทยู ว่ากันแล้ว ในหนังจะเน้นนางเอกมากกว่าเห็นหน้าใสๆของน้องเค้าชัดเจนทุกช็อตในขณะที่พระเอกต้องเพ่งแล้วเพ่งอีก เพื่อมองหาความหล่อที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้ผมสีทอง(เราว่าตอนใส่หมวกหล่อกว่าเยอะ) ในละครถือว่ารูปร่างของ เอเรน่า มิซูซาว่า นั้นเหมาะกับบทมาก บอบบาง ควรค่าแก่การได้รับการปกป้องจากครอบครัวและฮิโร่ะมากๆๆ และเซโต โคจิ ก็เล่นได้ดีไม่ขาดไม่เกินจนดูเวอร์เกินไป แต่มาสะดุดกับตัวละครยูมากกว่า มัทสูดะ โชตะที่รับบทยูในละครเราไม่อินไปกับเค้าเพราะภาพลักษณ์ของยูนั้นจิดใจดี เป็นผู้ใหญ่ มั่งคง อบอุ่น(เป็นผู้ชายที่หาไม่ได้ในโลกใบนี้) ซึ่งเหมาะกับโคอิเดะ เคซึเกะ มากกว่ามัทสูดะ โชตะที่ออกจะดูแนวเพลย์บอย ไม่เอาถ่าน ไม่น่าเชื่อถือ ดูแอบร้ายหน่อยๆด้วย ดังนั้นเราจึงคิดว่าบทของยูในหนังดีกว่ามาก(จนทำให้เกิดความลังเลเล็กน้อยว่าจะเลือกใครดีน่า...^0^)
โดยรวมแล้ว sky of love ต้องการจะอกอะไรเรา...น่าจะเป็นเรื่องความรักของครอบครัวซึ่งจะเด่นมากในละคร ทั้งครอบครัวของมิกะและของฮิโร่ะ ทำให้เข้าใจความรู้สึกของคุณพ่อมิกะว่าท่านเสียใจและช็อคขนาดไหนเมื่อรู้ว่าลูกสาวสุดที่รักตั้งครรภ์ในวัยเรียนด้วยวัยเพียง 16 ปี ครอบครัวเป็นอย่างไรลูกก็ย่อมเป็นอย่างนั้น ครอบครัวสำคัญที่สุดแม้มิกะจะรักฮิโร่ะมากแต่เธอก็ไม่ได้ละเลยความรักที่เธอมีให้ครอบครัวเลย ชอบบทที่ยูพูดว่า “เด็กอย่างมิกะหายากมากในสังคมญี่ปุ่นที่จะรักครอบครัวแบบนี้” ความตายเป็นเรื่องที่น่าเศร้าแต่นั้นก็เป็นกฏของมนุษย์มันอยู่ที่เราเลือก...คนที่กำลังจะตายจะทำอะไรเพื่อคนที่เรารักและคนที่สูญเสียจะทำอะไรในการดำรงชีวิตต่อ ฮือ...น่าคิดน่ะ เหมือนดั่งประโยคที่ว่า “คุณมองท้องฟ้าแล้วคุณคิดถึงอะไร”

วันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

AKAI ITO ด้ายแดงแห่งรัก



AKAI ITO ด้ายแดงแห่งรัก
ด้วยความเข้าใจผิดคิดว่าละครเรื่องนี้จะเป็นแนวรักวัยรุ่นวัยเรียนเชื่อตามประสาเด็กคิกขุอาโนเนะ แต่ที่ไหนได้มันช่าง....ไม่เด็กเลยไม่นาเชื่อว่าจะเป็นนิยายที่เขียนทางมือถือที่ติดอันดับของญี่ปุ่นที่พิมพ์ขายติดต่อกันออกมา5-6เล่ม
Akai ito คือสิ่งที่อยู่รอบๆตัวเรานี่เอง akai itoเป็นภาษาญี่ปุ่นแปลว่าด้ายแดง บ่งบอกถึงพรหมลิขิต โชคชะตาและเนื้อคู่ ว่ากันว่าคนที่มีด้ายแดงผูกติดกันไม่ว่ายังไงก็ต้องได้เจอกัน akai ito ดำเนินเรื่องผ่านตัวละคร 2 คนที่มีวันเกิดวันเดียวกันคือวันที่ 29 กุมภาพันธุ์ที่ 4 ปี จะมีสักครั้ง บอกถึงการพบกันครั้งแรกคือเรื่องบังเอิญ การพบกันครั้งที่2คือพรหมลิขิต พระเอกนางเอกพบกันอย่างบังเอิญในวัยเด็กและมาเจอกันอีกครั้งในมัธยมต้นละครพยายามสื่อถึงชีวิตของเด็กญี่ปุ่นที่ต้องใช้ชีวิตในสังคมที่เร่งรีบและตัวใครตัวมัน ความเหงาที่ถูกทอดทิ้งจากคนในครอบครัว คนรัก เพื่อน จนเด็กหันหน้าไปพึ่งยาเสพติด เด็กที่ต้องการเรียนเก่งเป็นผู้นำสอบเข้ามหาลัยได้ก็หันมาพึ่งยาเสพติดและลุกลามไปถึงการฆ่าตัวตาย จริงๆแล้วปัญหาเหล่านี้อาจจะเกิดขึ้นจริงในสังคมของญี่ปุ่นเพราะด้วยเศรษฐกิจที่ก้าวหน้าไปมากกลับมีช่องว่างของคนอีกมากมายปัญหาของนักเรียนในโรงเรียนที่เรามักจะได้ยินบ่อยๆเช่นการถูกกลั่นแกล้ง ชกต่อย นินทาจนกระทั่งถูกบีบให้ฆ่าตัวตาย ละครพยายามสอดแรกถึงการแก้ปัญหาเหล่านี้ผ่านตัวละครที่ชื่อ มาอิ เด็กที่เติบโตมาจากครอบครัวที่อบอุ่นแต่เธอกลับไม่ใช่ลูกแท้ๆของครอบครัวนี้และครอบครัวนี้ก็กำลังจะหย่ากัน มาอิมีเพื่อนที่ดีแต่สถานการณ์ต่างๆก็ต้อนให้เด็กที่อ่อนต่อโลกเหล่านี้เจอกับปัญหาที่น่ากลัวจนได้ อย่าเด่นชัด 2 เรื่องคือ ยาเสพติดและการฆ่าตัวตาย การฆ่าตัวตายมาอิถูกเพื่อนบีบให้เธอโดดตึกฆ่าตัวตาย ตามเพื่อนที่เคยโดดมาก่อนหน้านี้ แต่มาอิกลับปฎิเสธที่จะทำมันโดยให้เหตุผลว่าไม่ใช่ทางแก้ปัญหาและถ้าเธอตายปัญหาก็ยังอยู่(โอ๊ะ..โดนมากๆๆ) ในขณะที่ยาเสพติดเป็นเรื่องสำคัญในละครเรื่องนี้มากเพราะมันคือปมปัญหาในจิตใจของพระเอกและนางเอก การบำบัดเป็นเรื่องรองหากไม่สามารถแก้ปมในจิตใจของผู้เสพยาได้ เพราะถึงอย่างไรปัญหายาเสพติดก็ไม่สามารถหมดไปจากโลกนี้ได้ แต่สิ่งที่สำคัญคือการสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเอง ครอบครัวเป็นส่วนที่สำคัญมาก พระเอกอัตคุไม่เคยยุ่งกับมันเลยทั้งที่เห็นยามาตั้งแต่เด็ก แม่อัตคุใช้มันเพื่อเพราะเป็นเหยื่อและลบปมในจิตใจ มิอะเพื่อนนางเอกใช้เพราะความหลงผิด มิยากิใช้เพื่อหาเพื่อนเข้ากลุ่ม อีกปัญหาหนึ่งที่ผู้เขียนสังเกตเห็นที่หนังไม่ได้บอกอย่างโจ่งแจ้งแต่คนดูน่าจะสัมผัสได้คือการใช้ความรุนแรง ทากะเพื่อนคนหนึ่งของนางเอกและพระเอก ทากะรักนางเอกมาก ทากะเป็นคนยิ้มเก่ง ยิ้มได้ทุกสถานการณ์ ยิ้มได้แม้กำลังชกต่อยอยู่ นั้นหมายความว่า ทากะเค้าชินกับความรุนแรงเหมือนมันเป็นเรื่องที่ทำเป็นธรรมดาเฉกเช่นการกินข้าว การเข้าห้องน้ำ นั้นเค้าจึงสาสารถทำร้ายคนได้โดยอัตโนมัติถ้าคนๆนั้นทำให้เค้าผิดหวัง เสียใจ โกรธ (สังเกตจากการที่เค้าตบนางเอกเพราะมาสาย) ส่วนปัญหารองลงมาก็เป็นปัญหาตั้งครรภ์ก่อนวัยอันสมควร การหย่าร้าง เป็นต้น
สำหรับนักแสดงบอกตรงๆว่าผู้เขียนไม่รู้จักใครสักคนเลย หน้าตาก็ไม่ได้หล่อเหล่าขั้นเทพ(ออกจะบ้านๆบานๆ ตาตี่ หน้าเหลี่ยมๆกันทั้งนั้น) แต่ดูแล้วอินไปกับความสดใส ความสนุกสนานของวัยเรียนจริงๆ ว่ากันว่าดาราเหล่านี้เค้าดังน่ะในญี่ปุ่น
ซี่รี่ย์เรื่องนี้บอกอะไรเรา
1.ปัญหา ปัญหา ปัญหาและก็ปัญหาของแต่ล่ะคน จิปาทะทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องคนรัก พ่อแม่ แฟน เพื่อน แอบรัก อกหัก สุดท้ายแก้ไม่ได้ก็มาลงที่ฆ่าตัวตายและยาเสพติดซึ่งในเรื่องแสดงให้เห็นถึงการฆ่าตัวตายทำกันได้ง่ายมากๆๆ(เพราะสมองมันคิดสั้นไง สั้นมากกกกกกกก)
2.ความเชื่อ...เชื่อถึงพรหมลิขิต ชะตากรรม ทำไมคนเราพบกันเพื่อจาก และพบกันใหม่ นั้นเพราะคนเรามีพรหมลิขิตอยู่นั้นเอง แต่ถ้าจะพูดให้เข้ากับเรื่องก็คือคนทุกคนต่างมีด้ายแดงของแต่ละคนผูกติดกันไว้มีพบเพื่อจาก มีจากเพื่อพบ คู่กันแล้วยังไงก็ต้องได้เจอกัน แม้จะผ่านผู้คนตั้งมากมายถึง 30000 คนก็ต้องได้เจอกัน ชอบจริงกับประโยคที่พระเอกพูดกับนางเอกว่า “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมากมายในชีวิต แต่การพบกันของเรามันคือเรื่องสำคัญน่ะ”
ให้ตายสิ...พวกเค้าผูกพันด้วยด้ายแดงแห่งรัก(akai ito)ของแท้จริงๆๆ^0^

วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

New Moon นิวมูน(แย่ขนาดนั้นหรอ!!!)


วันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7122 ข่าวสดรายวัน


New Moon นิวมูน

คอลัมน์ เจาะจอหนังแผ่น

ภาพยนตร์เรื่อง "นิวมูน" ซึ่งเป็นภาคต่อของ "ทไวไลต์" เป็นหนังที่สร้างจากนวนิยายขายดีอีกเรื่อง

ซึ่งนักแสดงนำไม่ว่าจะเป็น โรเบิร์ต แพ็ตทินสัน, คริสเต็น สจ๊วต, เทย์เลอร์ เลาต์เนอร์ แจ้งเกิดกันมาตั้งแต่ภาคแรก จนกลายเป็นหนุ่มสาวเลือดใหม่ที่มาแรงในแวดวงฮอลลีวู้ด

ส่วนตัวเนื้อหาหนัง ตอนที่ดู ทไวไลต์ ก็ว่าน่าเบื่อแล้ว พอมาดู นิวมูน ยิ่งน่าเบื่อหนักเข้าไปอีก แถมด้วยความอึดอัด กับความรักที่ไร้เหตุผลของตัวพระนาง

จริงๆ ก็มีคนเคยบอกว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังรัก เพราะฉะนั้นถ้าไม่ชอบหนังแนวนี้ก็อย่าไปดู

ซึ่งพอได้รับคำเตือน ก่อนดูก็ทำใจเอาไว้แล้ว แต่ไม่คิดว่าจะออกมาเป็นรักเลี่ยนได้ขนาดนี้

พระนางยอมไปตายเพื่อความรักของตัวเอง โดยไม่ได้คิดห่วงคนอื่น

โดยเฉพาะบทของนางเอก ที่ดูหมกมุ่นกับความรักที่มีต่อพระเอกจนไม่สนใจไยดีกับพ่อของตัวเอง ซึ่งก็ห่วงใยดูแลเธอไม่น้อยเช่นกัน

บทพระเอก โรเบิร์ต แพ็ตทินสัน เรื่องนี้มีอยู่น้อยนิด ออกมาเยอะหน่อยในช่วงแรก ช่วงกลางหายไป มาโผล่อีกทีตอนใกล้จบ

ยกบทนำให้กับ เทย์เลอร์ เลาต์เนอร์ ที่เล่นเป็นมนุษย์หมาป่าร่างบึ้ก ซึ่งพยายามจะถอดเสื้อโชว์หุ่นล่ำให้ได้ดูอยู่ตลอด

จนบางฉากบางตอนเหมือนจะยัดเยียดให้คนดูได้เห็นซิกซ์แพ็กมากจนเกินงาม

แล้วการดำเนินเรื่องก็เป็นไปอย่างเอื่อยๆ เรื่อยๆ ไม่มีส่วนไหนน่าตื่นเต้นติดตาม

ขอเตือนว่าถ้าไม่ชอบดูหนังรักเลี่ยนๆ หรือไม่ได้หลงไหลกับตัวแสดงมากมาย คงไม่เหมาะที่จะดูหนังเรื่องนี้

หน้า 20

จริงแล้วหนังไม่ได้แย่ขนาดนั้นเพียงแต่ถ้า...ถ้า..เราได้ไปอ่านหนังสือด้วยตั้งแต่ทไวไลต์จนถึงนิวมูน
คุณจะชอบกับสำนวนการแปลของอาทิตยา ที่แปลได้อรรถรสยิ่งแม้จะเป็นเรื่องฝันหวาน เพ้อฝันบวกจิตนาการสุดโลก
แต่...แต่ ...คุณจะปฎิเสธไหมว่าคุณอยากเป็นเบลล่า สาวที่มีหนุ่มรูปหล่อมาหลงรัก(แม้จะไม่ใช่คนก็ตาม)
และผู้ชายทั้งหลายจะปฎิเสธไหมว่าพวกคุณไม่อยากเป็นแวมไพร์สุดหล่อหรือมนุษย์หมาป่าซิกแพคงามแบบเทย์เลอร์
แม้เรื่องราวดูเหมือนจะหาสาระไม่ได้แต่ถ้าคุณอ่านในหนังสือคุณจะรู้ว่าสาระมีน่ะ โดยเฉพาะเรื่องการมีชีวิตอยู่และการไม่
มีชีวิตอยู่ การดำเนินชีวิต และการมองหนทางของชีวิต เบลล่าเองก็คงพยายามจะกำหนดชีวิตตัวเองให้ลงตัวแม้หนทางมันยาก
(ก็เจ้าหล่อนเล่นวนเวียนกับ...อะไรที่คนเราๆไม่มีโอกาศเจอ)ไม่ได้เลี่ยนขนาดนั้นหรอค่ะเมื่อคุณเคยมีรักและรักกัน
และเมื่อวันใดที่รักจากคุณไปคุณเจ็บเจียนตายวันเวลาเดือนปีผ่านไปเท่าไหร่ไม่รู้ ยอมรับเถอะถ้าคุณมีช่วงเวลานี้พ่อแม่พี่น้องคุณก็ลืม
และเมื่อรักกลับมาและรู้ว่าคุณสามารถจับต้องเอามันกลับมาได้ก็ทำเถอะค่ะ ตามแรงของคุณดีกว่าไม่ได้ทำแต่ถ้าทำแล้วไม่ได้อะไร
ก้กลับมามองตัวเองแล้วgดินหน้าต่อไปค่ะ...
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TURObGJuUXdOVE13TURVMU13PT0=§ionid=TURNeE1nPT0=&day=TWpBeE1DMHdOUzB6TUE9PQ==

วันพุธที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

World with in.....


World with in.....
จริงๆดูซีรีย์เรื่องนี้จบนานแล้วแต่ด้วยเหตุผลที่ต้องไรท์ให้เพื่อนเลยทำให้ต้องดูอีกที บอกตามตรงซีรีย์เรื่องนี้ถ้าพูดถึงโปรดักชั่นแล้วอลังการมากๆๆตั้งแต่นักแสดงเลยแถมเนื้อเรื่องก็ไม่ได้แค่พูดถึงคนทำงานในวงการเท่านั้นมันพูดถึงคน....คนจริงๆเนี๊ยหล่ะ คนที่เดินสวนทางกันไปมากับเราทุกวัน ....ชอบคนเขียนบทจริงๆ
ได้ข่าวว่ากว่าจะเขียนบทละครเรื่องนี้ได้ต้องใช้เวลาถึง 2 ปีสุดยอด^0^ การจะบ่มเพาะอะไรสักอย่างมันต้องใช้เวลาจริงๆ
ละครพูดถึงการทำงานของคนวงการบันเทิง เริ่มตั้งแต่ผู้กำกับ คนเขียนบท ตากล้อง ผู้ช่วยผู้กำกับ 1 2 3 นักแสดง ตัวประกอบ ผู้บริหารช่อง จนไปถึงพนักงานทั้งหลายทั้งแหล่ ไม่เพียงเท่านั้นยังบอกเล่าถึงชีวิตของคนเหล่านั้นด้วยว่าต่อหน้ากล้อง ต่อหน้าผู้ชมเป็นเช่นไร ชีวิตนักแสดงไม่ได้เลิศหรูเหมือนเดินบนพรมแดงตลอดชีวิต แม้กระทั่งผู้กำกับที่สั่งได้ในเฉพาะในหนังที่ตัวเองกำกับแต่กับชีวิตไม่ได้ดั่งใจ หรือแม้แต่ผู้บริหารช่องเองก็มีหน้าที่การงานกับชีวิตส่วนตัวก็ช่างทำให้ลงตัวได้ยากเสียเหลือเกิน
สำหรับนักแสดง ฮยอนบินและซองเฮเคียว เล่นได้น่ารักกุ๊กกิ๊กเหลือเกิน(จนเกินออกมานอกจอ)บทจะด่ากันก็ด่ากันไฟแล๊บบทจะรักกันก็เล่นซะหวานจนมดเรียกพี่ ต้องขอชมผู้กำกับที่กำกับให้ทั้งคู่เล่นกันออกมาน่ารักไม่ดูเวอร์จนเกินไป...และอีกคู่ที่เราชอบคือผู้กำกับจอมปากหมากับนักแสดงหน้าใหม่ ดูยังไงก็ไม่เข้ากันแต่ผู้กำกับก็สามารถทำออกมาให้ดูน่ารักกุ๊กกิ๊กได้อย่างดีอีก2คนที่เพิ่มสีสันของเรื่องได้เป็นอย่างดีคือรุ่นน้องผู้ช่วยของพระเอกและนางเอก แสดงออกมาได้สมจริงกับคำว่าผู้ช่วยผู้กำกับที่ทำทุกอย่างทำให้เรารู้ว่ากว่าจะเป็นหนัง ละคร สักเรื่องเล่นเอาผู้ช่วยเกือบตายเพราะงานหนักเหมือนกันน่ะ
คนเขียนบทก็คืออีกคนที่เราสนใจ คนเขียนบทมักจะไม่ค่อยมีใครสนใจมากนักเมื่อเทียบกับนักแสดงหรือผู้กำกับ แต่ในวงการหนัง ละคร คนเขียนบทมีความสำคัญมาก ยิ่งเป็นผู้ที่เขียนบทแล้วทำให้ละคร หนัง เรื่องนั้นดังมีชื่อเสียง คนเขียนบทยิ่งมีอำนาจในการต่อรองค่าเหนื่อย ระยะเวลา คัดเลือกนักแสดงแม้กระทั่งสามารถเลือกผู้กำกับเองได้อีกด้วย แต่ถึงกระนั้นการเขียนบทก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ยามไม่มีอารมณ์เขียนอักษรสักตัวก็ไม่มีขึ้นบนจอคอม....จนแล้วจนรอดก็ไม่มี...ยิ่งคอมเสีย..แล้วความจำในเครื่องกู้ไม่ได้ มีแต่ตายกับตาย งานเขียนบทไม่เสร็จก็ไม่สามารถปลีกตัวไปไหนได้ ( แม่ป่วยจนตายก็อดไปเฝ้าดูแล )
ส่วนนักแสดงวัยดึกทั้ง 3 คน ได้นักแสดงที่เราคุ้นหน้าคุ้นตาเสมอ ต้องของบอกว่าพวกคุณเล่นได้เนียนมากๆเหมือนกับพวกคุณเอาชีวิตตัวเองมาเล่น...ชีวิตการงานที่ไม่ได้ไปสอดคล้องกับครอบครัวเลย นักแสดงต้องมีวินัยและมีจุดยืนที่ดีเพราะทุกสถานการณ์มันพร้อมจะผลักคุณลงเหวได้ทุกเมื่อ ยิ่งอายุมาก ฝีมือยิ่งต้องคม และการมองคนต้องให้ถึงแก่นถึงจะอยู่นาน
สำหรับผู้เขียนเองชอบบทพูดของนักแสดงหลายคนที่มีคำคมแฝงอยู่ให้ขบคิดในตอนต้นๆของแต่ล่ะตอน เช่น
“ ใครก็บอกว่าเกลียดละครน้ำเน่า เราเกลียดมันจริงหรอ.... หรือว่าเราอิจฉามันต่างหาก “
ทำไมชีวิตเราไม่น้ำเน่าบ้าง ที่มีพระเอกรวยมาชอบ หน้าไม่สวย อ้วน ยังได้แฟนหล่อ รวย หรือบังเอิญได้สมบัติเจ้าคุณปู่ ใช้กี่ชาติก็ไม่หมด ทำไมเล่นหุ้นแล้วไม่โชคดีกะเค้าบ้าง หรือทำไมเป็นโรคร้ายแล้วผ่าตัดรักษาหายเหมือนในหนัง ละคร บ้าง ทำไม...ทำไม.....บลาบลาๆๆๆๆๆ
ก็เพราะชีวิตจริงของเราไม่ได้น้ำเน่าเหมือนในละครไง ทั้งที่เราอยากจะให้มันเป็น เช่น “ ปมขัดแย้งในละครที่เราเห็นมันเป็นเรื่องท้าทายของผู้กำกับ การที่ผู้กำกับสามารถแก้ปัญหาได้ไปที่ละขั้นทำให้เรื่องดูสมบูรณ์และจบแบบhappy endingเป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่ง “ แต่ในชีวิตจริงปัญหาจะไม่มีทางแก้ไขและปมขัดแย้งมันจะคงอยู่
สรุปแล้วละครเรื่องนี้ให้อะไรกับเรา เราคิดทุกครั้งที่ดูจบและจะพูดเสมอว่าเราจะเลือกใช้ชีวิตดั่งละครหรืออย่าใช้ชีวิตแบบในละครดี เหมือนที่รุ่นพีจีฮูบอกว่า”จงใช้ชีวิตดั่งละคร แต่อย่าให้ละครมาเป็นชีวิตของเรา”
ปล.....คม....งง..ไหมล่ะ

วันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ว่าด้วยเรื่อง meteor garden


ว่าด้วยเรื่อง meteor garden ฮานาโยริดังโกะ และ boys over flowers ( หรือที่เราเรียกรวมๆ กันว่า F4 )
โดยส่วนตัวผู้เขียนได้ดูครบ 3 เวอร์ชั่นแล้ว (และในอนาคตคงจะมีตามมาอีกไม่น้อย) เราจะมาพูดโดยรวมของหนังที่นำเสนอมา ในฉบับไต้ไหว ต้องยอมรับว่ามาฉายที่บ้านเราดังมากๆๆ กระแสของคนที่เบื่อกับรายการน้ำเน่าและละครซ้ำๆซากๆ บนจอทำให้หันมาตอบรับกับกระแสเรื่องนี้ ทั้งๆที่เนื้อเรื่องมาจากการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องหนึ่ง ซึ่งต่อมาทางญี่ปุ่นเองก็รีบสนองโอกาสที่ตัวเองพลาดรีบจัดทำซี่รีย์เรื่องนี้มาบ้าง และมาจนถึงปัจจุบัน กับฉบับเกาหลี
โดยรวมแล้วว่าด้วยเรื่องของเนื้อหนังก็จะเป็นแบบ นางเอกจนมาเจอพระเอกรวย(แบบโคตรรวย) ต้องฝ่าฝันอุปสรรค์จากแม่พระเอก และพูดโดยรวมถึงความสัมพันธ์ของเพื่อนในกลุ่มนั่นเอง ฉบับไต้ไหวน้ำหนักจะไปตกที่คู่พระเอกนางเอกมากกว่า...ในขณะที่ญี่ปุ่นและเกาหลี จะมีน้ำหนักบ้างเพื่อให้เท่าเทียมกัน ในฉบับไต้ไหวนั้นจะมีเนื้อหาและเรื่องสถานการณ์ที่มากจนทำให้หนังยืดและเยิ่นเย้อโดยเฉพาะภาค 2 ในขณะที่ญี่ปุ่นกระชับและรวดเร็วมาก ทั้งใน 2ภาค แต่ก็ไม่ขัดตาเกินไปนัก บทลงโทษของ F4 ก็ค่อนข้างรุนแรงไม่ต่างกันเท่าไหร่แต่ของญี่ปุ่นมีมิติกว่าที่จะวิ่งไล่กันเฉยๆแบบไต้ไหว (ฉากที่มีงูจริงๆอยู่ในล็อคเกอนางเอกก็น่าขนลุกดี )และความโหดร้ายของแม่พระเอกในเรื่องของอำนาจผู้นำเศรษฐกิจในแบบของญี่ปุ่นและเกาหลีนำเสนออกมาเป็นรูปธรรมดี มีเหตุมีผลและไม่ขัดแย้งกันเท่าไหร่ รวมถึงอาชีพทางบ้านของเหล่าF4 ก็ชัดเจน ในส่วนของความเวอร์...จริงๆต้องบอกว่า พูดถึงความร่ำรวย แล้วฉบับญี่ปุ่นนั้นกินขาด แบรนด์แนมทั้งนั้น ไม่ว่าจะเสื้อผ้าหน้าผม แฟชั่นจ๋ากันมาเลยที่เดียว ฉากในบ้านของเหล่า F4 ก็ไม่น้อยหน้า จะต้องนำเสนอความรวยของผู้นำกลุ่ม ซึ่งญี่ปุ่นและเกาหลีทำได้ดี (ติดตรงที่ อูบิน 1 ใน F ของเกาหลี เราไม่ได้เห็นฉากบ้านเค้าเลย นอกจากตู้ใส่รองเท้า ) ความคล้ายคลึงของหนังรู้สึกว่า ฉบับไต้ไหวและเกาหลีจะคล้ายกันมากๆๆรวมๆถึง 80 % เกาหลีจะนำทั้ง 2 ภาคของไต้ไหวมารวมกันและทำให้กระชับขึ้น จนแอบคิดไม่ได้ว่าที่บอกจะสร้างภาค 2 ต่อจะเอาเนื้อหาตรงไหนไปสร้างค่ะ แค่ภาคแรกก็เก็บจนหมดแล้ว ส่วนของญี่ปุ่นจะมีความเป็นการ์ตูนมากกว่า
ในเรื่องของนักแสดงนำ แน่นอน ใครก็ตามที่มารับบทเหล่าF4 ต้องแจ้งเกิดทุกรายไป ไม่ว่าจะมีชื่อเสียงอยู่แล้วหรือจะโนเนมปานใด ก็สามารถแผ่กระจายรัศมีเปร่งปรั่งออกมาได้ (ราวกับพกสปอต์ไลท์ส่วนตัวมา)
ในบทของผู้นำกลุ่ม เต้าหมิงซื่อ โดเมียวจิ คูจุนพโย ต้องมีลักษณะของคนที่ชอบแต่ใช้กำลังและในขณะเดียวก็ก็ต้องดูโง่ๆ ไม่ฉลาด แต่จริงใจ และที่สำคัญ ต้องหล่อ!! สำหรับเจอรรี่แล้วเค้าผ่านงานถ่ายแบบมามาก...ทำให้เวลาที่ต้องเก๊กมาดนิ่งหรือยิ้มแบบละลายใจสาวเค้าจึงแสดงอารมณ์ออกมาได้ไม่ยาก แต่ฉากโมโหหงุดหงิดบางครั้งก็ยังดูแข็งๆไป ในขณะที่จุน มัสซึโมโต้ เล่นได้ดีเพราะชั่วโมงบินที่สูงกว่า แต่ทำไม...จุนเล่นเรื่องนี้ไม่หล่อเลยโดยส่วนตัวเราเองก็ตามละครที่จุนเล่นหลายเรื่อง มีเรื่องนี้ล่ะที่ไม่หล่อเลยแถมเข้าฉากกับชุนที่ไร รัศมี (ความสูง)ของชุนจะกลบหมด ส่วน อีมินโฮ บอกตรงๆว่าเรารู้จักเค้าน้อยมาก ด้วยที่ละครที่เค้าเล่นส่วนมากจะได้รับบทไม่เด่น ซึ่งตอนที่ทางเกาหลีจะสร้างซีรีย์เรื่องนี้ ได้เลือกพระเอกแนวหน้าไว้หลายคน ไม่ว่าจะเป็นโจอินซอง อีดงอุก ....แต่มาสรุปที่เค้า...แต่พอมาดูฝีมือในการแสดงแล้วคิดว่าทางผู้สร้างคงเลือกไม่ผิด อีมินโฮทำได้ดีเกินคาด ไม่ว่าจะโกรธ เศร้า ตลก หรือทำตัวโง่ ๆ ก็ทำได้ดี และที่สำคัญลองดูดีๆ เค้าคล้ายเจอรรี่มากๆๆ โดยเฉพาะเวลายิ้ม..อีกคนที่ไม่ผู้ถึงไม่ได้ ในบท หัวเจ่อเล่ย ฮานาซาว่า รุอิ อีจีฮู บทนี้วัดฝีมือกันจริงๆว่าจะขโมยซีนพระเอกได้ไหม ซึ่งในฉบับไต้ไหวและเกาหลีพอสูสีกัน แต่ฉบับญี่ปุ่นแล้ว ชุนกินขาด ด้วยความที่เค้าสูงและหุ่นดีใส่เสื้อผ้าอะไรก็ดูดีไปหมด บวกกับหน้าตาที่หน้าค้นหาว่าเวลาอยู่นิ่งๆเค้าจะคิดอะไร เหมือนมีอะไรในใจอยู่เสมอ และทำตัวเหมือนจะไม่สนใจอะไร ในขณะเดียวกันก็จะมีเสียงที่โอ่นโยนไว้เรียกเวลานางเอกเศร้าเสมอ...ชุนเกิดเพราะบทนี้จริงๆๆ....( ได้ข่าวว่าจุนเป็นคนเสนอผู้สร้างให้ชุนรับบทนี้ ) ส่วนอีจีฮูชายหนุ่มที่มีดนตรีไว้คลายความเหงา ที่เล่นโดยลีดเดอร์SS501 คิมฮยอนจุง ถือว่าเป็นอะไรที่แปลกใหม่ เพราะรู้ๆ กันอยู่แล้วว่า ลักษณะของจุงนั้นเป็นคนเงียบๆ ซึมๆและชอบแอบงีบอยู่เสมอ มันตรงกับCHARACTER นานๆเราจะได้เห็นเค้าโมโหสักที..และในฉบับเกาหลีนี้อีจีฮู เล่นดนตรีได้หลายอย่างมาก ทั้งไวโอลีน เปียโน กีต้าร์ ( ถ้ามาสร้างเวอร์ชั่นบ้านเราคงมี ฉิ่ง ฉับ และ ระนาด ตามมาด้วย ) ส่วนอีก2F ที่เหลือ ซีเหม่ย โซจิโร่ อีจอง ชายหนุ่มเพลย์บอย คาสโนว่า ที่มีอดีตอันซ่อนเร้นฝังลับอยู่ในใจ (ลึกไปไหมเนี๊ย) ในไต้ไหว เคน ยังเล่นไม่เพลย์บอยพอซึ่งต่างชีวิตจริงของเค้า...เล่นแข็งและดูไม่หรู คลาสสิกเท่าไหร่ ส่วน มัทสูดะ โชตะก็ดูเครียดไป...ไม่กรุ่มกริ่ม ....แถมทะเลาะกับพระเอกทีไรก็ต่อยกันทุกที (แล้วก็ดีกัน) แต่คิมบอม ...เรายอมรับว่าตอนแรกเราปรามาสเค้าไว้มากว่าจะเล่นได้หรอเพราะเค้าเด็กมากๆๆ เป็นออลจัง และละครที่ผ่านมาของเค้าก็มักจะรับบทเป็นชายหนุ่มเซ่อๆๆโง่ๆๆ ....แต่ผิดคาดดดดค่ะ...บอมเล่นได้กรุ่มกริ่มมากๆๆ ดวงตาระยิบระยังแวววาวเหมือนสุนัขจิ้งจอกที่คอยจะงับเหยื่อ แถมในเวอร์ชั่นนี้เปิดใจกับเพื่อนนางเอกมากขึ้นทำให้รู้สึกว่าเค้าก็มีหัวใจที่ต้องการรักแท้เหมือนกัน..F สุดท้าย เหม่ยจั๊ว อากิระ อูบิน เป็นFที่เรามักจะจำไม่ค่อยได้...กับบทลูกชายเจ้าพ่อและธุรกิจไนต์คลับ ต้องเข้มแข็ง มาดมั่น หล่อ เท่ห์ สมาท์ ฉลาดหลักแหลม ที่กล่าวมาทั้งหมดไม่ตรงกับเวสแนสเลย 555 บอกตรงๆว่าถึงบทไม่เหมาะแต่เราก็ยังรักเวสแนส เด็กฮิปพอปที่เติบโตมาจากเมืองนอก ต้องพูด what up!1 yo!! Hi ! man ... เวลาเข้าฉากเจอกัน ...ฉบับไต้ไหวบทไม่เด่นเท่าไหร่ น้อยมากๆๆ ภาค 2 เลยใส่บทมีคู่หมั้นซะเลย..ส่วนเอเบะ ทรุโยชิ เป็นเจ้าพ่อที่หรูหรา ไฮโซ มากๆๆ อูบินรับบทโดย คิมจุน (นักร้องวง T-MAX) ในฉบับเกาหลีนี้เราว่าเค้าเหมือนมนุษย์ล่องหน อยู่ดีๆก็โผล่มา แล้วก็หายไป ไม่มีที่อยู่ที่แน่นนอน บางทีก็โผล่ที่หน้าห้องเรียนเดินไปกินกาแฟกับนางเอก แล้วก็ไปโผล่ที่โต๊ะอาหารกับพระเอกที่บ้าน จนสุดท้ายก็โผล่มาพร้อมกับกระเป๋าเดินทางสะพายข้างใบย่อมในตอนจบ....แต่เวอร์ชั่นนี้บทบาทเค้าเยอะดี และดูดีกว่าด้วย ไม่ว่าจะเป็นความเนี๊ยบเรียบหรู ฉลาดหลักแหลม เป็นผู้ใหญ่ แต่ไม่เห็นจะต้องให้พูด WHAT UP!1 HI! YOO MAN!! ตามเวสแนสเลย ...ไม่เข้ากันอย่างแรง.. ส่วนนางเอกของเรื่อง ซันฉ่าย มากิโนะ และชานดี สวยใสดีจริงๆๆ (แม้ต้าเอสจะปาไปเกือบจะ 30 แล้วก็ตาม ) บทนางเอกเล่นได้ดูดีทุกคน สู้ยิบตาเลย...แต่ถ้าดูแล้วว่าจนจริงๆๆ น่าจะเป็นไต้ไหวน่ะ เพราะเกาหลีผิวพรรณดีเกินไป(แอบอิจฉา)...
โดยรวมแล้วถ้าถามว่าชอบเวอร์ชั่นไหน อันนี้ตอบยาก เพราะอาจจะมีมาอีกหลายเวอร์ชั่น แต่โดยส่วนตัวชอบแบบเกาหลีน่ะ เพราะด้วยเนื้อหากระชับไวและน้ำหนักบทค่อยข้างเท่าเทียมกัน....และที่น่าชื่นชมกับทรงผมหัวสับปะรดเนี๊ย ขนาดเจอรรี่ที่ว่าแน่ยังต้องถอยกลางเรื่อง ส่วนจุน ก็เหมือคนผมหยิกมากกว่า แต่อีมินโฮนี่สิสับปะรดตั้งแต่ต้นเรื่องยันท้ายจริงๆๆ สุดยอดดดดดดดดดดด.........^0^

แนะนำตัว


สวัสดีค่ะ....CATEYE
เราชอบดูหนัง ซีรีย์ ทั้งในและนอกประเทศ ดูแล้วรู้สึกว่าเรื่องราวเหล่านี้สามารถมาใช้ในชีวิตประจำเราได้ เรื่องบางเรื่องก็สอนเรา ให้กำลังใจและทำให้เราเข้าใจโลกที่เราอยู่ได้อย่างลึกซึ้งขึ้น...
อยากให้เพื่อนๆมาร่วมแชร์ความรู้สึกด้วยกันน่ะค่ะ.....เพราะเราเชื่อว่า ทุกคนต้องมีอารมณ์ หนังจบแต่อารมณ์ไม่จบค่ะ
ฝากตัวด้วยน่ะค่ะ